ทึ่งทั่วโลก : "Space Needle" หอคอยชมวิวที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
ท่ามกลางเส้นขอบฟ้าของเมืองซีแอตเทิล มีโครงสร้างหนึ่งที่โดดเด่นจนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง นั่นคือ Space Needle หอคอยสังเกตการณ์รูปร่างแปลกตาที่ผสมผสานระหว่างศิลปะสถาปัตยกรรมกับจินตนาการในยุคแห่งการแข่งขันอวกาศ (Space Age) ได้อย่างลงตัว ตั้งแต่สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1962 Space Needle ก็กลายเป็นภาพจำของเมืองซีแอตเทิล และเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่คนทั่วโลกต่างรู้จักกันดี
แรงบันดาลใจแรกเริ่มมาจาก Edward E. Carlson ผู้บริหารโรงแรมในซีแอตเทิล ซึ่งได้เดินทางไปเยอรมนีและพบหอคอยกระจายเสียงที่มีร้านอาหารหมุนได้ เขาจึงนำแนวคิดนั้นกลับมาพัฒนาต่อ จนกลายเป็นโครงการหอคอยสำหรับงาน World’s Fair 1962 หรือ “งานมหกรรมโลก” ซึ่งมีธีมเกี่ยวกับอนาคตและอวกาศ Carlson ต้องการให้หอคอยนี้สะท้อนภาพความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิสัยทัศน์แห่งอนาคต สถาปนิก Victor Steinbrueck จึงออกแบบตัวหอคอยให้มีรูปทรงคล้ายนาฬิกาทราย ฐานสามขาที่ดูสง่างาม และส่วนบนที่คล้ายจานบิน ว่ากันว่าแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากประติมากรรมนามธรรมของนักเต้นที่เรียกว่า The Feminine One ซึ่งแสดงถึงความพลิ้วไหวและความสมดุล
การก่อสร้าง Space Needle ใช้เวลาเพียง 400 วัน แต่เต็มไปด้วยความท้าทาย วิศวกรต้องสร้างฐานรากขนาดมหึมา กว้างถึง 120 ตารางฟุต ฝังลึกลงไปกว่า 30 ฟุต และใช้ปูนซีเมนต์มากพอที่จะต้องใช้รถบรรทุกกว่า 467 คันวิ่งขนอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์คือหอคอยสูง 605 ฟุต (ราว 184 เมตร) ซึ่งในเวลานั้นถือว่าเป็นโครงสร้างที่สูงที่สุดทางตะวันตกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี นอกจากความสูงแล้ว Space Needle ยังถูกออกแบบมาอย่างแข็งแรง สามารถทนลมแรงได้ถึง 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังทนต่อแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวขนาด 9.5 ริกเตอร์ พร้อมติดตั้งสายล่อฟ้าถึง 25 เส้นเพื่อป้องกันภัยจากธรรมชาติ
นับตั้งแต่วันเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1962 ซึ่งเป็นวันแรกของงาน World’s Fair หอคอยแห่งนี้ก็กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้คนกว่า 2.3 ล้านคนให้เดินทางมาชมวิวเมืองซีแอตเทิลจากมุมสูง ในระดับความสูงราว 520 ฟุต (158 เมตร) ผู้เข้าชมสามารถมองเห็นวิวได้รอบ 360 องศา ครอบคลุมทั้งภูเขาเรเนียร์ที่ยิ่งใหญ่ เทือกเขาโอลิมปิกและแคสเคด ไปจนถึงอ่าว Puget Sound อันงดงาม
สิ่งที่ทำให้ Space Needle ยิ่งพิเศษ คือประสบการณ์ที่แตกต่างจากหอคอยสังเกตการณ์ทั่วไป ที่นี่มีทั้ง SkyCity Restaurant ร้านอาหารหมุนได้ที่เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนนั่งทานอาหารพร้อมชมวิวเมืองที่หมุนไปอย่างช้า ๆ ซึ่งถือเป็นร้านอาหารหมุนได้อิสระแห่งแรกของโลก ต่อมา Space Needle ยังเพิ่มนวัตกรรมใหม่อย่าง The Loupe พื้นกระจกหมุนแห่งแรกและแห่งเดียวของโลกที่อยู่บริเวณชั้นชมวิว ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสความตื่นเต้นจากการยืนบนพื้นกระจกใสที่หมุนช้า ๆ เหนือความสูงหลายร้อยฟุต นอกจากนี้ยังมีม้านั่งกระจก “Skyriser” ที่ยื่นออกไปด้านนอก มอบประสบการณ์ชมวิวสุดหวาดเสียวแต่ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา Space Needle ไม่ได้เป็นเพียงหอคอยสังเกตการณ์หรือสถานที่ท่องเที่ยว หากแต่เป็นหัวใจของกิจกรรมสำคัญของเมืองซีแอตเทิล โดยเฉพาะการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า ที่ทุกปีจะมีการจุดพลุสุดตระการตาบริเวณยอดหอคอย กลายเป็นภาพจำที่ผู้คนทั่วโลกคุ้นเคย ในปี ค.ศ. 1999 Space Needle ได้รับการประกาศให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมือง และจนถึงปี 2024 มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 69 ล้านคนที่ได้ขึ้นไปยืนบนหอคอยแห่งนี้
ทุกวันนี้ Space Needle ยังคงทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของความคิดสร้างสรรค์ วิสัยทัศน์ และความกล้าในการท้าทายขีดจำกัดของมนุษย์ มันไม่เพียงสะท้อนยุคสมัยที่โลกใฝ่ฝันถึงการสำรวจอวกาศ แต่ยังยืนหยัดเป็นเครื่องเตือนใจว่า ซีแอตเทิลคือเมืองที่กล้าใฝ่หาอนาคตอยู่เสมอ

















