เรื่องของ “จูบ”
‘การจูบ’ เป็นพฤติกรรมที่มีมานานนับพันปี ไม่ได้พบแค่ในมนุษย์เท่านั้น แม้แต่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ปีก หอยทาก ก็ยังพฤติกรรมในลักษณะเช่นนี้ ‘การจูบในมนุษย์’ ทางพฤติกรรมสื่อถึงการแสดงออกในเรื่องของความรัก ความเมตตา ความปรองดอง ความใคร่ ซึ่งมักจะทำกับคนรัก คนในครอบครัว เพื่อน โดยถ่ายทอดแรงสัมผัสและความรู้สึกผ่านเส้นประสาทมากกว่า 10,000 เส้นที่ริมฝีปาก ให้กันและกัน จนทำให้สมองของทั้งสองฝ่ายผลิตสารเคมีออกมามากมายระหว่างที่มีการจูบ
การจูบมีทั้งของดีและอาจไม่อันตรายเสมอไป หากมีความระมัดระวังรักษาสุขภาพ และ หลีกเลี่ยงการจูบในขณะที่ตนหรือคนรักป่วย เพื่อความสุข ความปลอดภัยของคนที่เราจูบ
ความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการ “จูบ”
1.การจูบเพียงแค่ 10 วินาที สามารถแพร่เชื้อแบคทีเรียจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนได้ประมาณ 80 ล้านตัว งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า จากการสำรวจพฤติกรรมการจูบของคู่รัก 21 คู่ พบว่าคู่รักที่มีการสัมผัสริมฝีปากกัน 9 ครั้งต่อวัน จะมีแบคทีเรียในช่องปากเหมือนกันมากกว่าคู่อื่น ๆ
2.การจูบสามารถส่งผ่านเชื้อไวรัสและเชื้อโรคได้ นอกเหนือจากโรคหวัดที่สามารถติดต่อกันได้ผ่านทางน้ำลายแล้ว โรคติดต่อร้ายแรงอื่น ๆ ก็สามารถติดต่อกันผ่านการจูบได้ เช่น โรคไวรัสตับอักเสบบี โรคเริม โรคหูด
3.โรคจูบ Kissing Disease หรือ โรคโมโนนิวคลิโอซิส infectious mononucleosis (IM) เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสเอ็มสไตลบาร์ Epstein Barr Virus หรือ EBV เป็นไวรัสที่ติดต่อกันได้ง่ายผ่านทางการสัมผัสสารคัดหลั่ง ส่วนใหญ่มักติดต่อผ่านการสัมผัสน้ำลาย ผ่านการไอ จาม การจูบ รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อก็สามารถรับเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ โรคจูบเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย ในวัยเด็กยิ่งสามารถติดเชื้อได้ง่าย จากการที่คุณพ่อคุณแม่ หรือ ผู้ใหญ่หอมแก้มเด็ก เด็กก็สามารถรับเชื้อได้ จึงเป็นโรคที่คุณพ่อคุณแม่ควรระวัง
ข้อดีที่ชีวิตนี้ต้อง “จูบ”
1.เพื่อความสุข การจูบไม่ได้แสดงความรักในคู่รักเท่านั้น ยังสามารถทำกับคนในครอบครัว เพื่อน ในขณะที่จูบร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน (Endorphin) ฮอร์โมนแห่งความสุข ความเคลิบเคลิ้ม ทำให้ผู้ที่จูบและถูกจูบมีความสุข คลายกังวล ช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเกิดจากความเครียดลงได้
2.เพื่อผูกมัด การจูบที่มีการใช้ลิ้นสัมผัสกันอย่างดูดดื่ม พบว่าสมองจะมีการหลั่งฮอร์โมนออกซิโตซิน (Oxytocin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความผูกพันธ์ สร้างความรักเดียวใจเดียว
3.เพื่อเบิร์น การจูบใช้กล้ามเนื้อ Orbicularis oris ที่อยู่รอบปากเป็นส่วนสำคัญ นอกจากนั้นยังมีกล้ามเนื้ออื่นอีกรวมถึง 34 มัดที่ใช้ในการจูบรวมไปถึงเส้นประสาทอย่างน้อย 5 คู่ พบว่าการจูบอย่างดูดดื่ม 1 นาที เผาผลาญพลังงานได้ 26 แคลอรี่
4.เพื่อจุดไฟราคะ การจูบกระตุ้นเส้นประสาทสัมผัส และ ฮอร์โมนแห่งความสุขได้หลายตัว สิ่งหนึ่งที่มีการกล่าวถึงมากคือ การส่งต่อฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) จากชายสู่หญิง หรือ ชายสู่ชาย เนื่องจากฮอร์โมนชนิดนี้พบมากในผู้ชายเพราะเป็นฮอร์โมนหลักที่ใช้ในการเติบโต ซ่อมแซมร่างกาย เพิ่มความต้องการทางเพศ สามารถพบได้ในเลือด ในน้ำลายของผู้ชายเป็นหลัก การจูบแบบดูดดื่มจึงสามารถจุดไฟราคะได้ในเหตุผลนี้ ทางที่ดีควรทำร่วมกับการกอดและสัมผัส

















