สะเทือนวงการ! ผกก.ตากใบ เจอเด้งกลางอากาศ ปมเอี่ยวคดียาเสพติด
เปิดปมร้อน “ผกก.ตากใบ” ถูกเด้งฟ้าผ่า เอี่ยวคดียาเสพติด ยึดไอซ์ 900 กก. – ลือหนัก เสพยามานานกว่า 10 ปี
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งที่สร้างแรงสั่นสะเทือนวงการสีกากีอีกครั้ง หลังจากที่ พล.ต.อ.กิตติ์ รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามคำสั่งให้ พ.ต.อ.อัสรี ต่วนเพ็ง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร (ผกก.สภ.) ตากใบ จังหวัดนราธิวาส มาช่วยราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยขาดจากตำแหน่งเดิมทันที
คำสั่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการโยกย้ายตามปกติ แต่เป็น “คำสั่งฟ้าผ่า” เพราะเชื่อมโยงกับคดียาเสพติดรายใหญ่ที่เพิ่งถูกเปิดโปง เมื่อ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดนราธิวาสสามารถจับกุมยาไอซ์ได้มากถึง 900 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเป็นของกลางล็อตมโหฬาร และจากการขยายผลพบว่ามีเครือข่ายโยงใยลึกไปถึงระดับเจ้าหน้าที่รัฐ
ปมลึกที่ถูกเปิดเผย – ตำรวจใหญ่ติดยาเอง?
จากข้อมูลที่ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ได้รับจากแหล่งข่าวระดับสูง ระบุว่า การสั่งเด้ง พ.ต.อ.อัสรี ครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความบกพร่องธรรมดา แต่เกิดจาก “พฤติกรรมส่วนตัว” ที่ยากจะปฏิเสธได้ แหล่งข่าวชี้ว่า ผกก.รายนี้มีพฤติกรรม เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการเสพ ยาไอซ์ ต่อเนื่องยาวนานกว่า 10 ปีเต็ม
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการเล่าลือกันว่าเขาเริ่มใช้ยาเสพติดตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และแม้จะไต่เต้ามาถึงตำแหน่งผู้กำกับสถานีตำรวจ ก็ยังไม่สามารถเลิกพฤติกรรมนี้ได้ ขณะปฏิบัติหน้าที่ก็มักมีอาการ “ดีด” หรืออาการที่แสดงออกทางร่างกายและจิตใจ จนเพื่อนร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนสังเกตเห็นได้ชัด
นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ผู้บังคับบัญชาต้องรีบมีคำสั่งโยกย้าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานและภาพลักษณ์ขององค์กร
การจับกุมไอซ์ 900 กก. – จุดเริ่มต้นของการสืบโยง
หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 เหตุการณ์ใหญ่ที่สะเทือนทั้งประเทศเกิดขึ้น เมื่อชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาสสามารถจับกุมยาไอซ์ได้ปริมาณมหาศาลถึง 900 กิโลกรัม ของกลางที่ตรวจยึดได้นั้น ชี้ชัดว่าเป็นการลำเลียงของเครือข่ายค้ายาข้ามชาติที่มีเส้นทางเชื่อมโยงทั้งฝั่งไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
การจับกุมครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งสอบสวนหาต้นตอของเครือข่าย แต่ยังทำให้เกิดคำถามว่า ทำไมยาเสพติดจำนวนมหาศาลถึงเล็ดลอดเข้าสู่พื้นที่ได้ ทั้งที่นราธิวาสถือเป็นพื้นที่อ่อนไหว มีเจ้าหน้าที่เข้มงวดทุกด่าน
เมื่อมีการสืบสวนเชิงลึก จึงปรากฏชื่อของ พ.ต.อ.อัสรี โยงใยเข้ามาในเครือข่าย และเมื่อประกอบกับพฤติกรรมส่วนตัวที่ตกเป็นที่สงสัยอยู่ก่อนหน้า จึงทำให้คำสั่งย้ายครั้งนี้กลายเป็น “ไฟลามทุ่ง”
ผลสะเทือนต่อองค์กรตำรวจ
การที่นายตำรวจระดับผู้กำกับถูกโยกย้ายเพราะพัวพันกับยาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นในฐานะผู้ใช้หรือผู้มีส่วนรู้เห็น ย่อมทำให้สังคมตั้งคำถามถึงมาตรฐานและกลไกตรวจสอบภายในองค์กรตำรวจ
1. ปัญหาความน่าเชื่อถือ – เมื่อผู้รักษากฎหมายกลับกลายเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฝ่าฝืนกฎหมายเสียเอง ย่อมกระทบต่อภาพลักษณ์ของตำรวจทั้งองค์กร
2. แรงกดดันจากสังคม – ประชาชนย่อมเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างโปร่งใสและเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่เพียงการสั่งย้ายเพื่อระงับแรงกดดันชั่วคราว
3. ปัญหาความมั่นคง – พื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ถือว่าอ่อนไหว การที่ตำรวจในพื้นที่ถูกตั้งข้อกังขาเรื่องยาเสพติด ยิ่งทำให้ความมั่นใจของชาวบ้านต่อเจ้าหน้าที่ลดลง
คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ
แม้จะมีคำสั่งย้ายแล้ว แต่ยังคงมีคำถามสำคัญที่สังคมอยากได้คำตอบ
พ.ต.อ.อัสรี เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดในเชิงลึกหรือไม่ หรือเพียงแค่เป็นผู้เสพ?
ของกลางไอซ์ 900 กก. ที่จับกุมได้ มีความเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนใดอีกบ้าง?
ระบบการตรวจสอบภายในตำรวจ มีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ ทำไมจึงปล่อยให้มีนายตำรวจที่เสพยามานานนับสิบปีไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งสูงได้?
หลังการสั่งย้าย จะมีการดำเนินการทางวินัยและกฎหมายอย่างจริงจังต่อไปหรือไม่?
บทเรียนที่ควรตระหนัก
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่วงการสีกากีต้องเผชิญกับข่าวฉาว แต่ทุกครั้งก็มักจบลงด้วยการสั่งย้ายหรือยุติเรื่องไว้เพียงเท่านั้น หากครั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เร่งตรวจสอบอย่างจริงจัง อาจทำให้ปัญหายิ่งลุกลาม และกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างรุนแรง
สิ่งที่ควรทำอย่างเร่งด่วนคือ
การตรวจสอบเส้นทางการเงินและพฤติกรรมย้อนหลังของผู้เกี่ยวข้อง
การตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบ เพื่อความโปร่งใสและลดข้อครหา
การพัฒนาระบบคัดกรองและตรวจสุขภาพจิต-ร่างกายของตำรวจอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายพัวพันกับยาเสพติด
เสียงสะท้อนจากสังคม
กระแสในโลกออนไลน์หลังข่าวการสั่งย้ายครั้งนี้แพร่สะพัด หลายคนแสดงความผิดหวังและไม่แปลกใจ เพราะเชื่อว่าปัญหาตำรวจเอี่ยวกับยาเสพติดมีอยู่จริงมานาน เพียงแต่ไม่ค่อยถูกเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา
บางความคิดเห็นมองว่า การสั่งย้ายเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างชัดเจน หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง ขณะเดียวกันก็มีเสียงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปตำรวจครั้งใหญ่ เพื่อสร้างระบบตรวจสอบที่เข้มแข็งและป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดซ้ำ
สรุป
กรณี “ผกก.ตากใบ” พ.ต.อ.อัสรี ต่วนเพ็ง ถูกสั่งเด้งเข้ากรุศปก.ตร. เพราะเอี่ยวคดียาเสพติดและถูกกล่าวหาว่าเสพไอซ์มานานนับสิบปี ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องอื้อฉาวรายบุคคล แต่สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในองค์กรตำรวจไทย
จากการจับกุมไอซ์ 900 กิโลกรัม จนนำไปสู่การขยายผลถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณเตือนว่า เครือข่ายยาเสพติดยังมีอิทธิพลแทรกซึมเข้าไปในทุกระดับ หากไม่เร่งแก้ไขอย่างจริงจัง ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อองค์กรผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จะยิ่งถดถอยลงไปอีก












