แตกตื่นโซเชียล! อมรัตน์จัดเต็ม แก้ผ้ารำแก้บนจริง ไม่พูดเล่น
อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส.ก้าวไกล จุดกระแสโซเชียล หลังทำพิธีแก้บนตามคำสัญญา ภายหลัง "แพทองธาร" ขึ้นนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 โลกออนไลน์ร้อนแรงอีกครั้ง เมื่อ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Amarat Chokepamitkul อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” เผยเรื่องราวเกี่ยวกับการ ทำพิธีแก้บน หลังคำอธิษฐานที่เคยกล่าวไว้กลายเป็นจริง
โพสต์ดังกล่าวสร้างความฮือฮาและกลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมออนไลน์ เนื่องจากเกี่ยวพันกับการเมืองไทย และยังสะท้อนวัฒนธรรมความเชื่อของคนไทยในเรื่อง “การบนบานศาลกล่าว” ซึ่งแม้บางคนจะมองว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การแก้บนครั้งนี้กลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง
จุดเริ่มต้นของคำบน
อมรัตน์เล่าว่า ตนได้มีการบนบานไว้ว่า หาก นางแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก่อนสิ้นปี 2568 ตนจะทำพิธี “รำแก้บน” ที่ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ โดยมีเพื่อนฝูงและบุคคลใกล้ชิดร่วมเป็นสักขีพยาน
แม้ในโพสต์ อมรัตน์ย้ำว่า ตนเอง “ไม่ใช่สายมู” และไม่ได้มีความเชื่อเรื่องการบนบานศาลกล่าวอย่างจริงจัง แต่ครั้งนี้เกิดจาก “ความรำคาญและหงุดหงิดใจ” ในสถานการณ์ทางการเมือง จึงได้กล่าวคำบนขึ้นแบบเล่น ๆ ทว่าเมื่อสิ่งที่อธิษฐานเกิดขึ้นจริง ก็ตัดสินใจเดินหน้าทำพิธีแก้บนตามที่สัญญาไว้
การทำพิธีแก้บน: บรรยากาศและสักขีพยาน
วันที่ 1 กันยายน 2568 เวลา 7.30 น. อมรัตน์ได้โพสต์ข้อความแรก เปิดเผยถึงการเตรียมตัวทำพิธีแก้บน โดยระบุว่า ได้จัดสถานที่เล็ก ๆ ที่ศาลเจ้าในจังหวัดนครปฐม พร้อมเพื่อนสนิทและ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.จ.) อำเภอเมืองนครปฐม มาร่วมเป็นพยาน
ต่อมาเวลา 8.30 น. เจ้าตัวโพสต์อัปเดตอีกครั้ง ยืนยันว่า พิธีแก้บนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ โดยมีการรำแก้บนตามที่ได้ให้สัญญาไว้ พร้อมบอกว่า จะมีการตัดคลิปและนำมาเผยแพร่ให้ผู้สนใจได้รับชมในภายหลัง
อมรัตน์ยังได้กล่าวขอโทษที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับพิธีดังกล่าว เนื่องจากกังวลว่าจะมีผู้ไม่หวังดีเข้ามาก่อกวนจนพิธีไม่สำเร็จตามความตั้งใจ
ความเชื่อเรื่อง "การบนบาน" ในสังคมไทย
แม้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคสังคมดิจิทัล แต่ความเชื่อเรื่อง “การบนบานศาลกล่าว” ยังคงปรากฏอยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทย โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการงาน การเรียน ความรัก หรือแม้แต่การเมือง
พิธีแก้บนในสังคมไทยมีความหมายว่า เป็นการ “รักษาสัญญา” ที่ได้ให้ไว้ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากสิ่งที่ขอเป็นจริง การไม่แก้บนถือว่าไม่สมควรและอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ดีในความเชื่อของผู้บน
กรณีของอมรัตน์จึงกลายเป็น ภาพสะท้อนวัฒนธรรมการเมืองผสมผสานกับความเชื่อท้องถิ่น ที่น่าสนใจ เพราะเธอเป็นอดีตนักการเมืองที่ออกมาแสดงพฤติกรรมดังกล่าวอย่างเปิดเผย
กระแสสังคมและโลกออนไลน์
หลังโพสต์ของอมรัตน์ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก
กลุ่มผู้สนับสนุน: หลายคนชื่นชมว่า อมรัตน์เป็นคนรักษาคำพูด และถือเป็นสีสันในวงการการเมืองที่ทำให้บรรยากาศไม่น่าเบื่อ
กลุ่มวิพากษ์วิจารณ์: บางส่วนตั้งคำถามว่า เหตุใดนักการเมืองหรืออดีตนักการเมืองจึงต้องแสดงออกผ่านพิธีกรรมลักษณะนี้ ซึ่งอาจถูกตีความได้หลายมิติ ทั้งในแง่ความเชื่อส่วนบุคคล หรือในเชิงการสร้างภาพลักษณ์
กลุ่มกลาง ๆ: มองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ควรนำมาวิพากษ์วิจารณ์เกินควร เพราะไม่กระทบต่อสังคมหรือผู้อื่น
นอกจากนี้ คำว่า “แก้บนแพทองธาร” ยังติดเทรนด์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลายแห่งในเช้าวันที่ 1 กันยายน ทำให้เรื่องราวนี้ถูกพูดถึงในวงกว้าง
มิติทางการเมือง: ศรัทธาและภาพลักษณ์
แม้พิธีแก้บนของอมรัตน์จะถูกมองว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า มีนัยสำคัญทางการเมือง เนื่องจากเกี่ยวพันกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ นางแพทองธาร ชินวัตร
ในแง่หนึ่ง การกระทำครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า การเมืองไทยไม่ใช่เพียงการแข่งขันเชิงนโยบาย แต่ยังเกี่ยวพันกับความเชื่อ ความหวัง และการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นด้านบวกหรือด้านลบ
เมื่อ "การแก้บน" กลายเป็นประเด็นสาธารณะ
สิ่งที่ทำให้เรื่องราวของอมรัตน์โด่งดังมากเป็นพิเศษ คือการที่เธอเลือกที่จะ เผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียด้วยตนเอง ไม่ใช่แค่การทำพิธีส่วนตัวเงียบ ๆ ซึ่งนั่นทำให้เกิดการตีความและถกเถียงในวงกว้าง
บางฝ่ายมองว่าเป็น กลยุทธ์ทางการสื่อสาร ที่ทำให้ชื่อของอมรัตน์กลับมาอยู่ในความสนใจของสาธารณะ ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าเป็นเพียงการแสดงความจริงใจและรักษาสัญญาตามคำบน โดยไม่ได้หวังผลทางการเมือง
สรุป
พิธีแก้บนของ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล ในวันที่ 1 กันยายน 2568 ไม่เพียงแต่สร้างความฮือฮาในโลกออนไลน์ แต่ยังเปิดประเด็นให้สังคมได้ถกเถียงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง ความเชื่อทางศาสนา วัฒนธรรมท้องถิ่น และการเมืองไทย
แม้จะเป็นเพียงการแก้บนเล็ก ๆ ที่ศาลเจ้าในจังหวัดนครปฐม แต่เมื่อถูกเผยแพร่ผ่านโซเชียลก็กลายเป็น กระแสสังคมที่สะท้อนภาพความหลากหลายทางความเชื่อของคนไทย และย้ำให้เห็นว่า เรื่องราวที่เกี่ยวพันกับศรัทธาและการเมือง มักจะดึงดูดความสนใจได้เสมอ
ท้ายที่สุด ไม่ว่าผู้คนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย การกระทำของอมรัตน์ก็ทำให้เธอถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางอีกครั้ง และกลายเป็นหนึ่งในประเด็นเด่นของสัปดาห์ที่สังคมไทยให้ความสนใจ
อ้างอิงจาก: ภาพจาก เฟซบุ๊กส่วนตัว “Amarat Chokepamitkul อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล






















