วุ่น! หนุ่มโพสต์ขู่ 'อัจฉริยะ' ลั่น ถ้าอยากหัวมีรู ลองดู
ผู้ใช้เฟซบุ๊กข่มขู่ “นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” เหตุความขัดแย้งกับนักมวยชื่อดัง
วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีกรณีความรุนแรงทางโลกออนไลน์เกิดขึ้น เมื่อผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความในลักษณะ ข่มขู่เอาชีวิตนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โดยข้อความดังกล่าวมีเนื้อหาเชิงคุกคามอย่างชัดเจน เช่น การอ้างถึงการใช้ความรุนแรง การทำร้าย และการโจมตีทางร่างกาย
ข้อความที่โพสต์ระบุว่า “คิดว่าใหญ่คิดว่ามีอิทธิพล หัวเป็นรูนะครับ ผมแลกได้นะ ชีวิตผมไม่มี พันธะลูกเมีย แค่ 5 ปีสบาย ๆ ถ้าอยากหัวมีรูลองได้” พร้อมกับ โพสต์คลิปในสตอรี่ ซึ่งโชว์อาวุธปืนและกระชากแมกกาซีนปืน พร้อมนั่งอยู่ในรถ พร้อมข้อความเพิ่มเติมว่า
“ทำคนหายไปจากโลกนี้ ผมบอกเลยไม่ยาก ผมเอากระดูกลอยอังคารให้ด้วย ผมทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียว อยู่ ๆ จะมาเอาเงินแสนกับผม แล้วไอพวกปากดี เล็กแซะแล้วนัดมาเลย ผมรู้ว่ามันไม่ได้มีแค่ผมแต่ไวเท่าผมไหมแค่นั้น พอดังผม ผมไม่ยกให้ใครสักบาท ใครที่คิดลองสวงหรือใช้หัวเอาไปโดยที่ผมไม่เต็มใจให้ก็ขอให้ชิบหายเป็นเรื่อง ๆ ไป วันไหนกุบ้า หัวมึงมีรูแค่นั้น”
ข้อความและคลิปดังกล่าวสร้างความกังวลต่อ ความปลอดภัยส่วนบุคคลของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ นายอัจฉริยะ โดยเขาให้ข้อมูลว่า ส่วนตัว ไม่เคยรู้จักกับบุคคลที่โพสต์ข่มขู่ มาก่อน แต่คาดว่าสาเหตุของการข่มขู่ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีตระหว่างนักมวยชื่อดังรายหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ข่มขู่
ความขัดแย้งทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนักมวย
นายอัจฉริยะเผยว่า ก่อนหน้านี้ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้รับการร้องเรียนจากหญิงสาวรายหนึ่ง ที่เคยคบหากับ นักมวยชื่อดังรายนี้ ก่อนที่จะมีปัญหาและเลิกรากันไป หลังจากนั้นนักมวยรายนี้ พร้อมกับหญิงสาวอีกคน ได้โพสต์ข้อความในลักษณะหมิ่นประมาท กล่าวหาหญิงผู้เสียหายว่าได้ไปทำแท้งและข้อความอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของหญิงผู้เสียหาย
เพื่อปกป้องสิทธิและดำเนินการตามกฎหมาย ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมจึงให้คำปรึกษาและยื่นฟ้องนักมวยรายนี้และหญิงสาวอีก 1 คน ต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ในความผิดฐาน หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 3 แสนบาท และศาลได้กำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2568
การฟ้องร้องครั้งนี้ถือเป็นการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับการคุ้มครองและแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้น
การข่มขู่เกิดขึ้นอย่างไร
จากการสืบสวนพบว่า การข่มขู่ในลักษณะดังกล่าวอาจเกิดจาก ความไม่พอใจของนักมวยรายนี้ต่อการดำเนินคดี และการที่ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมให้การสนับสนุนผู้เสียหาย นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมโยงกับบุคคลที่เป็นเพื่อนของนักมวย ซึ่งใช้สื่อออนไลน์โพสต์ข้อความและคลิปวิดีโอที่สร้างความหวาดกลัว
นายอัจฉริยะกล่าวว่า เขาได้ แจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่โพสต์ข้อความข่มขู่แล้ว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงและสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
ผลกระทบต่อความปลอดภัยและการใช้สื่อออนไลน์
กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึง ความเสี่ยงในการใช้สื่อออนไลน์ ที่อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือข่มขู่หรือสร้างความหวาดกลัวต่อบุคคลอื่น การโพสต์ข้อความหรือคลิปที่มีเนื้อหาข่มขู่ถือเป็น ความผิดตามกฎหมายอาญา และสามารถถูกดำเนินคดีได้
นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นถึง ความจำเป็นของประชาชนและบุคคลสาธารณะ ที่ต้องระมัดระวังในการใช้โซเชียลมีเดีย เพราะข้อมูลและโพสต์ที่เผยแพร่ออกไปสามารถสร้างผลกระทบต่อชีวิต ความปลอดภัย และชื่อเสียงของบุคคลอื่นได้
บทบาทของชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมมีบทบาทสำคัญในการ ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือผู้เสียหาย จากการถูกละเมิดสิทธิ์ ทั้งด้านกฎหมายและด้านจิตใจ กรณีนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า การทำงานของชมรมสามารถช่วยให้ผู้เสียหายเข้าถึงความยุติธรรม และปกป้องสิทธิ์ของตนเองได้
นายอัจฉริยะยังระบุว่า การให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายและการดำเนินคดีตามกฎหมาย เป็นสิ่งสำคัญในการสร้าง สังคมที่ปลอดภัยและมีความยุติธรรม และลดการเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในอนาคต
การดำเนินคดีต่อผู้ข่มขู่
ตามกฎหมาย ผู้ที่โพสต์ข้อความหรือคลิปข่มขู่บุคคลอื่น สามารถถูกดำเนินคดี ข้อหาข่มขืนใจ คุกคาม หรือหมิ่นประมาท และอาจต้องรับโทษทางอาญา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการสอบสวนและพิจารณาของศาล
ในกรณีนี้ นายอัจฉริยะได้แจ้งความไว้แล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้าในเร็ว ๆ นี้ การดำเนินการทางกฎหมายถือเป็น มาตรการป้องกันและตอบโต้การกระทำผิด ที่สร้างความหวาดกลัวต่อบุคคลอื่น
บทสรุป
เหตุการณ์โพสต์ข้อความข่มขู่ต่อ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เป็นตัวอย่างชัดเจนของ ความรุนแรงทางโลกออนไลน์ ที่สามารถสร้างผลกระทบต่อชีวิตและความปลอดภัยของบุคคล ทั้งนี้การดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ และสร้างสังคมที่ปลอดภัย
ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมยังคงทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและสนับสนุนผู้เสียหาย เพื่อให้ทุกคนได้รับความยุติธรรม และลดความเสี่ยงจากการถูกละเมิดสิทธิ์ ทั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประชาชนและบุคคลสาธารณะในการใช้สื่อออนไลน์อย่างระมัดระวัง






















