ครีมกันแดดในออสเตรเลีย…เมื่อความไว้ใจของประชาชนถูกสั่นคลอน
เมื่อครู่นี้ ดิฉันได้ดูข่าวของ แทบบี วิลสัน และ ทิฟฟานี เทิร์นบูลล์ ผู้สื่อข่าวจากบีบีซี นิวส์ ซิดนีย์ ว่าด้วยเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับครีมกันแดดในออสเตรเลีย
เป็นที่ทราบกันดีว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก คนที่นั่นจึงปลูกฝังการป้องกันแสงแดดตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าจะเป็นกฎโรงเรียนที่บังคับให้ใส่หมวก การโฆษณาที่คอยเตือนเรื่องอันตรายของแสงแดด หรือการที่หลายครอบครัววางครีมกันแดดไว้ตามประตูบ้าน เพื่อให้ใช้ก่อนออกไปข้างนอก
แต่สิ่งที่สร้างความตกใจคือ รายงานจาก Choice Australia ซึ่งเป็นองค์กรผู้บริโภคชื่อดัง ได้ทดสอบครีมกันแดดหลายยี่ห้อ ปรากฏว่ามีถึง 16 จาก 20 ชนิด ที่ค่า SPF ไม่ได้ตามที่โฆษณาไว้ โดยเฉพาะยี่ห้อที่คนจำนวนมากไว้วางใจและใช้มานาน ผลที่ออกมากลับพบว่าบางรุ่นป้องกันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
กรณีของ คุณราช หญิงชาวออสเตรเลียยิ่งทำให้สังคมสะเทือนใจ เธอเป็นคนที่ใช้ครีมกันแดดสม่ำเสมอแทบทุกวัน แต่สุดท้ายก็ตรวจพบมะเร็งผิวหนังที่ใบหน้า เมื่อรู้ว่าครีมกันแดดที่ใช้กลับไม่มีประสิทธิภาพ เธอจึงรู้สึกโกรธและผิดหวังอย่างมาก
ข่าวนี้ทำให้ดิฉันนึกถึงเรื่อง “ความเชื่อใจ” ระหว่างผู้บริโภคกับผู้ผลิต เราใช้สินค้าด้วยความมั่นใจเพราะเห็นว่าผ่านมาตรฐาน ผ่านการตรวจสอบ แต่เมื่อผลการทดสอบออกมาเช่นนี้ ความเชื่อมั่นก็ถูกสั่นคลอนไปทั้งระบบ
หน่วยงานกำกับดูแลของออสเตรเลีย (TGA) กำลังเร่งตรวจสอบ และหลายแบรนด์เริ่มเรียกคืนสินค้าแล้ว แต่สิ่งที่ประชาชนต้องการจริง ๆ คงไม่ใช่แค่การคืนเงิน หากแต่เป็นการรับผิดชอบอย่างจริงใจ และระบบการตรวจสอบที่โปร่งใส เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
ดิฉันเห็นว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงปัญหาของออสเตรเลีย แต่เป็นสิ่งที่ทั่วโลกควรใส่ใจ เพราะครีมกันแดดไม่ใช่เครื่องสำอางธรรมดา แต่เป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกับสุขภาพและชีวิตของผู้คนโดยตรง

















