โปรแรงเกิน! ชาบูดังเจอดราม่า หลังประกาศ “อกใหญ่กินฟรี”
ทัวร์ลงสนั่น! ชาบูร้านดังในปักกิ่งเจอดราม่า หลังออกโปรโมชั่น “หน้าอกใหญ่กินฟรี” ชาวเน็ตจีนรุมถล่มจนโดนสั่งรื้อถอน
วงการร้านอาหารและการตลาดในประเทศจีนต้องสั่นสะเทือน เมื่อร้านชาบูชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ตัดสินใจออกแคมเปญโปรโมชั่นสุดหวือหวา ด้วยการมอบส่วนลดตาม “ขนาดหน้าอก” ของลูกค้าผู้หญิง โดยระบุอย่างชัดเจนว่า “ยิ่งใหญ่ ยิ่งลดเยอะ” ซึ่งเงื่อนไขสูงสุดคือ หากมีขนาดคัพถึงระดับ G จะสามารถกินฟรีได้ทันที
แม้ว่าไอเดียนี้อาจตั้งใจให้เป็นลูกเล่นเพื่อสร้างกระแส แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม เพราะทันทีที่มีการเผยแพร่ภาพป้ายโฆษณาพร้อมข้อความและภาพการ์ตูนผู้หญิงที่ถูกนำมาใช้โปรโมต กลับกลายเป็นชนวนให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในสังคมจีนที่ให้ความสำคัญกับ ศักดิ์ศรีและคุณค่าของผู้หญิง
โปรโมชั่น “ยิ่งใหญ่ ยิ่งลดเยอะ” จุดไฟดราม่าโซเชียล
ร้านชาบูแห่งนี้ได้ติดตั้งป้ายขนาดใหญ่สีแดงสดไว้หน้าร้าน พร้อมข้อความชัดเจนว่า “ยิ่งใหญ่ ยิ่งลดเยอะ” และมีการใส่ภาพประกอบเป็นการ์ตูนผู้หญิงเปลือยท่อนบน ที่มีการเปรียบเทียบขนาดหน้าอกแตกต่างกันไปตามคัพ
โดยรายละเอียดของโปรโมชั่น มีดังนี้
คัพ A: ได้รับส่วนลด 10%
คัพ B: ลดมากขึ้นตามลำดับ
คัพ C – F: ส่วนลดเพิ่มสูงขึ้น
คัพ G: กินฟรีทันที!
แม้ในมุมการตลาด อาจดูว่าเป็น “กิมมิก” ที่หวังสร้างการพูดถึง แต่ในความเป็นจริงกลับสร้างความรู้สึกไม่สบายใจแก่ผู้คนจำนวนมาก เพราะถูกมองว่าเป็นการ วัดคุณค่าผู้หญิงจากรูปร่างภายนอก และใช้เรือนร่างเป็นเครื่องมือโฆษณา
เสียงวิจารณ์จากสังคม: “การตลาดที่หยาบคาย”
หลังจากภาพโปรโมชั่นดังกล่าวถูกแชร์บนโลกออนไลน์ กระแสวิจารณ์ก็ถาโถมอย่างรวดเร็ว ชาวเน็ตจำนวนมากแสดงความไม่พอใจ โดยมีคอมเมนต์หลากหลาย เช่น
“นี่มันไม่ใช่การตลาดที่สร้างสรรค์ แต่เป็นการตลาดที่เหยียดเพศชัดเจน”
“ผู้หญิงไม่ใช่วัตถุโฆษณาที่เอามาลดแลกแจกแถม”
“คิดได้ยังไงว่าจะใช้หน้าอกเป็นตัวกำหนดส่วนลด ใครผ่านการอนุมัติแคมเปญนี้?”
กระแสเหล่านี้ถูกพูดถึงในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักของจีน เช่น Weibo และ WeChat จนกลายเป็น ประเด็นร้อนระดับประเทศ
หน่วยงานรัฐสั่งรื้อป้าย – ร้านชาบูต้องถอย
กระแสต่อต้านรุนแรงถึงขั้นที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคและการกำกับดูแลธุรกิจรีบเข้ามาตรวจสอบ และออกคำสั่งให้ร้านชาบูดังกล่าว รื้อถอนป้ายโฆษณาและยกเลิกโปรโมชั่นทันที
มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้เตือนผู้ประกอบการให้ใช้ วิธีการตลาดที่เหมาะสม และไม่ควรละเมิดศักดิ์ศรีของบุคคลใด โดยเฉพาะการใช้รูปร่างเพศหญิงมาเป็นเครื่องมือดึงดูดลูกค้า ซึ่งถือว่าไม่สอดคล้องกับมาตรฐานทางสังคมและจริยธรรม
มุมมองด้านสิทธิสตรี: เมื่อร่างกายถูกทำให้เป็นสินค้า
นักวิชาการและกลุ่มสิทธิสตรีหลายรายในจีนได้ออกมาแสดงความเห็นว่า กรณีนี้สะท้อนถึงการใช้ “การตลาดเชิงเพศ” (Sexual Marketing) ที่ไม่เหมาะสม และเข้าข่าย ลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของผู้หญิง
พวกเขาอธิบายว่า การนำขนาดหน้าอกมาเป็นตัววัดส่วนลด ไม่เพียงเป็นการสร้างความอับอายให้กับผู้หญิง แต่ยังส่งเสริมค่านิยมที่ผิดๆ ว่า “ความใหญ่เล็กของร่างกาย” คือสิ่งที่กำหนดคุณค่าและสิทธิพิเศษที่ผู้หญิงพึงได้รับ ซึ่งเป็นมุมมองที่ล้าหลังและไม่ควรถูกสนับสนุน
ทำไมกลยุทธ์นี้ถึงพลาดอย่างแรง?
การตลาดที่หวัง “สร้างกระแส” หรือ Shock Marketing มักเป็นดาบสองคม หากเล่นเกินเส้นอาจเปลี่ยนจากโอกาสในการโปรโมต กลายเป็นวิกฤตที่ทำลายแบรนด์แทน
ในกรณีนี้ มีจุดที่ผิดพลาดอย่างชัดเจน ได้แก่:
1. ละเมิดความรู้สึกของลูกค้า – การเอาคุณสมบัติทางกายภาพมาเป็นเงื่อนไขส่วนลด เป็นการก้าวล้ำสิทธิส่วนบุคคล
2. เสี่ยงต่อภาพลักษณ์แบรนด์ – แทนที่จะสร้างความสนใจ กลับทำให้คนมองว่าแบรนด์ไม่มีความรับผิดชอบทางสังคม
3. ขัดต่อค่านิยมสังคมจีนยุคใหม่ – จีนในปัจจุบันให้ความสำคัญกับการเคารพสิทธิสตรี การกระทำเช่นนี้จึงถูกมองว่าไม่ทันสมัยและไม่เหมาะสม
4. ผลกระทบทางกฎหมาย – การถูกสั่งรื้อถอนสะท้อนว่ารัฐบาลจีนจริงจังกับการควบคุมการตลาดที่ละเมิดศีลธรรมสาธารณะ
บทเรียนสำคัญสำหรับธุรกิจ
กรณีนี้จึงเป็นตัวอย่างชัดเจนว่า กลยุทธ์การตลาดที่ละเมิดคุณค่าความเป็นมนุษย์ไม่สามารถยอมรับได้อีกต่อไป ในยุคที่ผู้บริโภคมีพลังเสียงบนโลกออนไลน์
ธุรกิจควรเรียนรู้ว่า:
สร้างแคมเปญที่เคารพลูกค้า – ความคิดสร้างสรรค์ไม่ควรต้องแลกกับศักดิ์ศรีของผู้คน
โฟกัสคุณภาพสินค้าแทนกิมมิก – ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและประสบการณ์ที่ได้รับมากกว่าการตลาดสุดโต่ง
คำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) – แบรนด์ที่เคารพสิทธิสตรีและความเท่าเทียมทางเพศ มักได้รับการสนับสนุนระยะยาว
สรุป
ดราม่า “หน้าอกใหญ่กินฟรี” ของร้านชาบูชื่อดังในปักกิ่ง กลายเป็นตัวอย่างที่ถูกพูดถึงไปทั่วโลกออนไลน์จีน สะท้อนให้เห็นว่าการตลาดที่อาศัย ความหวือหวาแบบไม่เหมาะสม อาจนำไปสู่การต่อต้านรุนแรง และสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของแบรนด์ในระยะยาว
ในยุคที่สังคมจีนและทั่วโลกให้ความสำคัญกับ สิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียมทางเพศ และการตลาดที่มีความรับผิดชอบ การเล่นกับประเด็นอ่อนไหวเช่นนี้จึงไม่เพียงเสี่ยง แต่ยังเป็นการทำลายความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์เอง
อ้างอิงจาก: chinapress


















