ครอบครัวอึ้ง!!! มหาเศรษฐีตัวพ่อระดับตำนาน ที่นอนกับผู้หญิงมากถึง 4,000 คน เซ็นยกมรดกของเขาให้กับ "เมืองทานาเบะ"
เป็นเรื่องราวของ มหาเศรษฐีตัวพ่อระดับตำนาน อย่าง โคสุเกะ โนซากิ (Kosuke Nozaki) เจ้าของฉายา มังกรแห่งคิชู (Don Juan of Kishu) ที่มีข่าวว่าตลอดชั่วชีวิตของเขานี้หลับนอนกับผู้หญิงมามากกว่า 4,000 คนด้วยกัน แต่สุดท้ายเขาก็เสียชีวิตอย่างกระทันหันในปี 2018 ที่ผ่านมา จากสารกระตุ้นในร่างกายเกินขนาด
หลังการจากไปของ โคสุเกะ โนซากิ เขาได้ทิ้งมรดกเอาไว้จำนวนมหาศาลมากกว่า 1.3 พันล้านเยน (ประมาณ 280 ล้านบาท) และได้เขียนพินัยกรรมด้วยปากกาหมึกสีแดงมีเนื้อหาใจความว่า "ขอมอบมรดกทั้งหมดให้กับเมืองทานาเบะ" ทำญาติไม่พอใจและทำการยื่นฟ้อง พวกเขาอ้างว่าพินัยกรรมถูกปลอมแปลงขึ้นมา
หลังจากที่ญาติของนาย โคสุเกะ โนซากิ ได้ยื่นฟ้องต่อศาล จนกระทั่งในวันที่ 19 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์โอซากามีคำพิพากษา ยืนตามศาลชั้นต้นว่าพินัยกรรมมีผลบังคับตามกฎหมาย และตัดสินยกฟ้องญาติ
สำนักข่าวของสถานีโทรทัศน์อย่าง โยมิอุริ (Yomiuri) เผยประวัติส่วนตัวของนาย โคสุเกะ โนซากิ ว่าเขาเป็นนักธุรกิจระดับท้องถิ่น ผู้มั่งคั่ง จากการทำธุรกิจสุราและปล่อยเงินกู้ เป็นคนรักสนุกและชอบการมีเพศสัมพันธ์ เขาเคยเผยในอัตชีวประวัติว่ามีสัมพันธ์กับผู้หญิงกว่า 4,000 คน และยังอวดอ้างว่าตัวเองสามารถมีเซ็กซ์ได้มากถึงวันละ 3 ครั้ง
หลังจากการแต่งงานกับ ซากิ ซูโด (Saki Sudo) สุขภาพของ โคสุเกะ โนซากิ กลับทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เขาเสียชีวิตเจ้าหน้าที่ก็ตรวจพบสารกระตุ้นที่เกินขนาดในร่างกายของเขา แต่ไม่พบร่องรอยของการฉีดยา จึงสันนิษฐานว่าน่าจะถูกผสมลงในอาหารหรือเครื่องดื่ม
อย่างไรก็ดี ซากิ ซูโด ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาโดยยืนยันว่า "ฉันได้รับเงินทุกเดือน ฉันจะทำร้ายเขาได้อย่างไร" ศาลชั้นต้นพบว่า หลักฐานไม่เพียงพอและยกฟ้องเธอ ในเดือนธันวาคมปี 2567 ที่ผ่านมา และอัยการได้ยื่นยื่นอุทธรณ์ต่อในส่วนของพินัยกรรม
ฝ่ายญาติของ โคสุเกะ โนซากิ อ้างว่า ลายมือในพินัยกรรมเขียนไม่รู้เรื่อง อ่านไม่ออก และดูเหมือนถูกปลอมแปลง โดยมีการนำเอกสารลายมือ 3 ฉบับมาแสดง แต่ศาลพิจารณาจากลักษณะการเขียนของ โคสุเกะ โนซากิ ในช่วงชีวิตจริง สถานที่เก็บพินัยกรรม และคำให้การของพนักงานบริษัท จึงเชื่อว่าเป็นลายมือที่แท้จริงของเจ้าตัว
พยานฝ่ายบัญชีรายหนึ่ง ยืนยันคำพูดของ โคสุเกะ โนซากิ ที่เคยกล่าวเอาไว้ก่อนตายว่า "ผมไม่อยากให้พี่น้องที่โลภมากของผมได้รับมรดกเป็นสมบัติของผม และผมอยากบริจาคให้กับผู้ด้อยโอกาสในสังคมมากกว่า" หลังจากพิจารณาหลักฐานแล้ว ศาลตัดสินว่าพินัยกรรมมีผลผูกพันทางกฎหมาย และเมืองทานาเบะจะยอมรับมรดกจำนวนมากนี้ตามกฎหมาย ซึ่งจะนำไปใช้ในโครงการก่อสร้างสาธารณะและโครงการสวัสดิการสังคมในอนาคตอีกด้วย









