หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

การ์ตูนวันพีชในวัฒนธรรมประชานิยม (pop culture)

เนื้อหาโดย ดร กิฟท์นางมารพยากรณ์

        ความคิดเห็นต่างทางการเมืองส่งผลให้เกิดการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องต่างๆ ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในการเมืองในระบอบประชาธิปไตยก็ว่าได้ โดยการใช้การต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ต่างๆ ซึ่งอาจหนีไม่พ้นการใช้สัญลักษณ์ในการ์ตูนในกลุ่มเยาวชนนำมาใช้ในการต่อสู้นั้นๆ นั่นคือ การต่อสู้ทางการเมืองเชิงวัฒนธรรมป๊อป หรือวัฒนธรรมประชานิยม ผ่านการ์ตูนที่เห็นได้ชัดคือ การ์ตูนมังงะอย่าง วันพีช

            วัฒนธรรมประชานิยม ( popular culture หรือ pop culture) หมายถึง วัฒนธรรมที่เป็นที่นิยมของผู้คนในสมัยนั้น เกิดจากการสื่อสารของบุคคล ความต้องการของวัฒนธรรมในจังหวะช่วงเวลานั้น ซึ่งเกิดขึ้นทุกวันและแสดงเป็นภาพลักษณ์ออกมา ซึ่งสามารถรวมได้ถึงทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร การแต่งกาย สื่อมวลชน กีฬา หรือวรรณกรรม วัฒนธรรมประชานิยมมักมีลักษณะตรงข้ามกับวัฒนธรรมระดับสูง

            วัฒนธรรมประชานิยมคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความคิด มุมมอง ทัศนคติ ภาพลักษณ์ การเลียนแบบ และปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เชื่อกันอย่างไม่เป็นทางการว่าเป็นสิ่งที่ชื่นชอบของสังคมในท่ามกลางวัฒนธรรมกระแสหลัก

            ปี 2563 หนึ่งในปรากฏการณ์ใหม่ในประเทศไทยที่นำเอาการ์ตูนมาเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ทางการเมืองที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมของเยาวชนคนรุ่นใหม่หรือกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ราษฎร” คือวัฒนธรรมป็อปหรือวัฒนประชานิยม ที่การ์ตูนถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์การชุมนุมและการปราศรัยเปรียบเปรยเนื้อหาในหลายครั้ง ไม่ว่าจะแฮมทาโร่ นารูโตะ วันพีซ

            ปี 2568 สัญลักษณ์จากการ์ตูนกลับมาปรากฏในพื้นที่การเมืองอีกครั้ง ทว่าเกิดในประเทศร่วมภูมิภาคอย่างอินโดนีเซีย และจุดร่วมสำคัญของการเคลื่อนไหวในไทยและอินโดนีเซียคือ ผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลต่างก็ใช้การ์ตูนมังงะญี่ปุ่นเรื่อง “วันพีซ” (One Piece) เป็นสัญลักษณ์เรียกร้องทางการเมือง ภาพธงสีดำที่มีรูปหัวกระโหลกและหมวกฟาง สัญลักษณ์ของกลุ่มโจรสลัดที่ท้าท้ายต่อระบอบเผด็จการและต่อสู้เพื่ออิสรภาพในการ์ตูนอนิเมะญี่ปุ่นเรื่อง วันพีซ ได้ถูกนำมาประดับตามบ้าน ท้ายรถ เพื่อตอบโต้ต่อผู้นำประเทศ และระหว่างการชุมนุมประท้วงใหญ่ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ส.ค. สัญลักษณ์เดียวกันนี้ก็ปรากฏในพื้นที่การชุมนุมในหลายเมือง ซึ่งชนชั้นแรงงาน กลุ่มนักศึกษา ออกมาชุมนุมประท้วงเรื่องภาวะไม่มีงานทำ และการขึ้นเงินช่วยเหลือรายเดือนให้ สส. ที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำในเมืองหลวงของอินโดนีเซียกว่า 10 เท่า

            ปรากฏการณ์นี้ว่าเหตุใดการ์ตูน มังงะ อนิเมะ จึงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในการเรียกร้องทางการเมือง และเรื่องราวของ “วันพีซ” (One Piece) ซ่อนความหมายในเชิงการเมืองอย่างไรไว้บ้าง

        การ์ตูนเรื่อง “วันพีซ” ตีพิมพ์ครั้งแรกในญี่ปุ่น ในปี 2540 ในรูปแบบมังงะโดย เออิจิโร โอดะ และการ์ตูนเรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก มังงะเรื่องนี้มียอดขายมากกว่า 520 ล้านเล่ม และนำมาทำเป็นซีรีส์ทางโทรทัศน์หรือซึ่งนิยมเรียกว่าอนิเมะมากกว่า 1,100 ตอน เส้นเรื่องหลักของมังงะเรื่องนี้เล่าถึงการผจญภัยของตัวเองอย่าง มังกี้ ดี.ลูฟี่ และลูกเรือของเขาในการออกตามหาสมบัติในตำนานที่มีชื่อว่า “วันพีซ” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพและการแสวงหาความหมายของชีวิต ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เส้นทางการตามหาสมบัติชิ้นนี้มีแต่จะยากขึ้นเรื่อย ๆ ตัวร้ายที่โผล่ออกมาในแต่ละภาคก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน

 

วันพีซ: มังงะที่ทั้งสะท้อนและวิจารณ์โลกความเป็นจริง

            ในโลกแห่งวันพีซ ยังมีอีกหนึ่งตัวละครและองค์กรที่หน้าสนใจอย่าง นักข่าวมอร์แกน ที่นั่งเป็นประธานแห่งหนังสือพิมพ์ เวิลด์ อีโคโนมี นิวส์เปเปอร์ (World Economy Newspaper) ซึ่งถือเป็นสื่อมวลชนที่มีอิทธิพลสูงที่สุดในโลกโจรสลัดแห่งนี้

            งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่มีชื่อว่า Representation of Social Criticism through Morgans Journalist Characters in One Piece Anime: Examining the Meanings Behind and Propaganda หรือ การสะท้อนภาพคำวิจารณ์สังคมผ่านตัวละครนักข่าว มอร์แกนส์ ในอนิเมะวันพีซ : การวิเคราะห์ความหมายและโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 2567 บนวารสารลนตาร์ วารสารวิทยาศาสตร์การสื่อสาร ซึ่งเป็นวารสารวิชาการของประเทศอินโดนีเซียที่มีระบบการตรวจสอบคุณภาพบทความวิชาการโดยผู้เชี่ยวชาญ วิจารณ์ว่าตัวละครมอร์แกนนั้นถูกนำเสนอให้เห็นถึงภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของแวดวงสื่อมวลชนในโลกของความเป็นจริง

            ตัวละครมอร์แกนเลือกยืนหยัดต่อต้านรัฐบาลโลกที่สั่งห้ามรายงานข่าวในบางประเด็นที่รัฐบาลมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง แต่ในทางกลับกัน การรายงานข่าวของมอร์แกนหลายครั้งก็เป็นการบิดเบือนข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ในโลกของมังงะวันพีซ ผู้เขียนแต่งเรื่องราวให้กองทัพเรือที่ควรจะเป็นผู้รักษากฎระเบียบของสังคมกลายเป็นตัวร้าย ขณะเดียวกันก็เขียนให้กลุ่มโจรสลัดที่ดูเป็นตัวร้ายในโลกความเป็นจริงกลายเป็นตัวเอก อย่างไรก็ตาม ผู้แต่งอย่างโอดะ ก็ไม่ลืมเขียนให้มีกลุ่มโจรสลัดที่มีพฤติกรรมร้ายกาจไม่แพ้กองทัพเรือและพร้อมจะฆ่าทุกคนเพื่อให้ได้ครอบครองวันพีซเช่นเดียวกัน โครงสร้างของกลุ่มองค์กรต่าง ๆ ในโลกวันพีซอาจแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่

            ประชาชนธรรมดา หรือทาส คือบุคคลทั่วไปที่อาศัยอยู่ตามเกาะต่าง ๆ, กลุ่มโจรสลัด คือผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายการปกครองของ “รัฐบาลโลก”, กลุ่มปฏิวัติ คือผู้ที่มีเป้าหมายในการล้มล้าง "รัฐบาลโลก" และ “เผ่ามังกรฟ้า”

            รัฐบาลโลก คือกลุ่มบุคลากรที่กำกับดูแลองค์กรต่าง ๆ เช่น ไซเฟอร์โพล (หน่วยข่าวกรอง) และ กองทัพเรือซึ่งทำหน้าที่ดูแลระเบียบโลกและปกป้องเผ่ามังกรฟ้า ห้าผู้เฒ่า คือกลุ่มบุคคล 5 คน ที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหารสูงสุดของรัฐบาลโลก

            เผ่ามังกรฟ้า คือกลุ่มชนชั้นสูงสุด ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและกุมอำนาจทั้งหมดของรัฐบาลโลก มีอภิสิทธิ์เหนือทุกสรรพสิ่งในโลกวันพีซ

            แต่ทว่านอกจากจะแบ่งกลุ่มตัวละครออกได้เป็น 6 กลุ่มแล้วนั้น ยังมีตัวละครอีกหนึ่งตัวที่มีชื่อว่า “ท่านอิม” ซึ่งเปรียบเสมือนผู้นำสูงสุดตัวจริงของจักรวาลวันพีซ แต่นับจนถึงปัจจุบันผู้แต่งอย่าง โอดะ ยังไม่ได้เปิดเผยว่าตัวละครนี้มีหน้าตาอย่างไร โดยผู้อ่านจะเห็นแค่เป็นเพียงเงาสีดำ ๆ เท่านั้น

            งานวิจัยระดับปริญญาโทอีกฉบับหนึ่ง ที่มีชื่อว่า Deciphering the World with One Piece The power of manga in the study of international politics หรือ ถอดรหัสโลกด้วยวันพีซ: พลังของมังงะในการศึกษาการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งตีพิมพ์ในปีการศึกษา 2566/2567 มีบางช่วงบางตอนที่ผู้เขียนวิจารณ์ถึงการฉายภาพความอันตรายของอำนาจเบ็ดเสร็จในโลกวันพีซเทียบกับแนวคิดของนักปรัชญาและประวัติศาสตร์ชาวเยอรมันอย่าง ฮันนาห์ อาเรนดท์ (Hannah Arendt) โดยผู้วิจัยระบุว่า เนื้อเรื่องของวันพีซที่สะท้อนพฤติกรรมของรัฐบาลโลกที่พร้อมจะสังหารผู้ใดก็ตามที่จะเปิดโปงความลับของเหล่าผู้มีอำนาจ แม้คนผู้นั้นจะเป็นถึงกษัตริย์ของอาณาจักรก็ตาม สอดคล้องกับแนวคิดของ ฮันนาห์ อาเรนดท์       โดยเฉพาะข้อสังเกตของเธอที่เห็นว่าระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จ มุ่งเน้นกำจัดความเห็นต่างและพยายามยัดเยียดโลกทัศน์แบบหนึ่งเดียวให้สังคม

            “เช่นเดียวกับผลงานของอาเรนดท์ซึ่งทำหน้าที่เป็นคำเตือนถึงผลลัพธ์ร้ายแรงของอำนาจที่ไร้การตรวจสอบและการเชื่อฟังอย่างหูตามืดบอด รัฐบาลโลกในวันพีซก็ทำหน้าที่เป็นอุปมาที่ทรงพลังของระบอบเผด็จการที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จโดยไร้การกำกับดูแลหรือความรับผิดชอบ”

            นอกจากนี้ ผู้วิจัยระบุ “มังงะ-อนิเมะในฐานะเครื่องมือทางการเมือง: จากประวัติศาสตร์บนลงล่าง สู่อาวุธของผู้อ่อนแอ” เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การกำเนิดของอนิเมะ

             ผู้ช่วยศาสตราจารย์  ดร.มาริ นากามูระ  ภาควิชาภาษาญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยตงไห่แห่งไต้หวัน กล่าวไว้ว่า ภาพยนตร์อนิเมะขนาดยาวเรื่องแรกของญี่ปุ่นถือกำเนิดขึ้นในปีเดียวกับที่สงครามโลกครั้งที่สองยุติลง หรือปี ค.ศ.1945 (พ.ศ. 2488) และมีชื่อว่า “โมโมทาโร่: ทหารเทพเจ้าแห่งท้องทะเล”

            ผศ.ดร.นากามูระ กล่าวว่าอนิเมะเรื่องนี้มีกองทัพเรือเป็นผู้ว่าจ้าง และนับเป็น “ชิ้นงานโฆษณาชวนเชื่อเพื่อให้เห็นแนวคิดของจักรวรรดิญี่ปุ่น... ซึ่งนี่เป็นเรื่องการเมืองอย่างชัดเจนจากบนลงล่าง” ถัดมาจากอนิเมะเรื่องโมโมทาโร่ เธอยกตัวอย่างผลงานเรื่อง Astro Boy หรือ “เจ้าหนูปรมาณู” ของเทซูกะ โอซามุ ซึ่งถูกตีพิมพ์ในรูปแบบมังงะครั้งแรกในปี ค.ศ. 1952 (พ.ศ. 2495) ก่อนจะมีบทบาทเป็นอนิเมะซีรีส์ทางโทรทัศน์ขนาดยาวเรื่องแรกของญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 1963 (พ.ศ. 2506)

            ผศ.ดร.นากามูระ อธิบายว่า ด้วยสภาพสังคมตอนนั้นและประวัติศาสตร์ก่อนหน้า สุดท้ายตัวละครเจ้าหนูปรมาณูจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพและการใช้พลังงานนิวเคลียร์

            นักวิชาการชาวญี่ปุ่นอธิบายต่อไปว่า เมื่อเวลาผันผ่านไป วงการมังงะและอนิเมะในญี่ปุ่นยิ่งเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ การเซ็นเซอร์ในอดีตที่เคยมีแม้จะยังมีอยู่แต่ก็บางเบาลง และการเข้ามาของเทคโนโลยีช่วยให้เรื่องราวมากมายเหล่านี้เผยแพร่ไปทั่วโลก ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นผู้คนจากชาติอื่น ๆ หยิบยกตัวละครบางตัว หรือแนวคิดบางอย่างจากการ์ตูนเล่มโปรดไปใช้ในทางการเมือง อย่างไรก็ตามมังงะเป็นสื่อที่มีลักษณะทางสังคมและทางการเมืองอย่างมาก แม้ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะสะท้อนมุมมองทางการเมืองอย่างชัดเจน แต่ก็ผสานเข้าไปอยู่ในสังคม และผู้สร้างก็นำสิ่งที่สังเกตเห็นจากสังคมมาใส่ลงไปในผลงาน “บางครั้งมังงะบางเรื่องก็มีแง่มุมทางการเมืองที่เห็นได้ชัดเจนกว่า ขณะที่เรื่องอื่นอาจจะน้อยกว่า แต่บางครั้งผู้คนก็ตีความมังงะไปในแบบที่แตกต่างกัน พวกเขาอ่านมันจากมุมมองของตนเอง” ผศ.ดร.นากามูระ สะท้อน

            ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เนทันนิเอล พี. คันเดลาเรีย จากคณะสังคมศาสตร์และปรัชญา มหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ ดิลิมัน กล่าวเปรียบเทียบการหยิบยกมังงะและอนิเมะมาใช้เป็นเครื่องมือแสดงออกทางการเมืองในหลายประเทศว่าใกล้เคียงกับแนวคิด “อาวุธของผู้อ่อนแอ” (weapons of the weak) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากงานวิชาการในหนังสือที่มีชื่อว่า Weapons of the Weak: Everyday Forms of Peasant Resistance หรือ อาวุธของผู้อ่อนแอ: รูปแบบการต่อต้านในชีวิตประจำวันของชาวนา ของศาสตราจารย์ เจมส์ ซี. สก็อต นักรัฐศาสตร์ชื่อดังชาวอเมริกัน

            เขายกตัวอย่างว่าประชาชนรู้ดีว่ามีกฎหมายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการต่อต้านหรือการแสดงออกทางการเมืองที่พวกเขาต้องการ ดังนั้น จึงพยายามใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการส่งสารออกมา พร้อมเสริมว่ากรณีการธงหัวกะโหลกวันพีซในอินโดนีเซียนั้น ทำให้เขามองว่ามันคือการส่งสารในลักษณะอ้อมค้อม เพราะเผชิญหน้าโดยตรงไม่ได้

            เมื่อถามผู้เชี่ยวชาญต่อไปว่า แม้การหยิบมังงะ-อนิเมะ หรือการ์ตูนกระแสหลักที่เรียกได้ว่าเป็น วัฒนธรรมป็อป (Pop Culture) หรือวัฒนธรรมมวลชนขึ้นมาอาจจะได้พื้นที่สื่อหรือจุดกระแสความสนใจได้จริง แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นการเปลี่ยนแปลงได้จริงหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนให้ความเห็นกับบีบีซีไทยว่า ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่จำเป็นต้อง “ทรงพลัง” ทางการเมืองเสมอไป เพราะการกระทำแต่ละอย่างก็มีบทบาทในตัวของมันแล้ว

            ผศ.ดร.นากามูระ เสริมว่า แม้มังงะ-อนิเมะ มากมายจะมีเนื้อหาสะท้อนสังคมอย่างชัดเจน หรือมีตัวละครที่ต่อสู้กับผู้กดขี่อย่างแน่วแน่ แต่ก็มีเหตุการณ์ไม่น้อยที่ผู้ประท้วงเลือกหยิบตัวละครน่ารัก ๆ หรือเนื้อเรื่องที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับการเมืองชัดมาใช้แสดงออกเช่นเดียวกัน กลุ่มผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหว อาจจะใช้เสียงของตนเองสะท้อนผ่านตัวละครเหล่านั้น เพื่อดึงดูดคนอื่นหรือเพื่อสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ ถ้าพวกเขาชื่นชอบตัวละครนั้นจริง ๆ และเชื่อในสิ่งที่ตัวละครพูดไว้ในมังงะหรืออนิเมะ มันก็สามารถช่วยพวกเขาในการส่งสารได้เช่นกัน แม้แต่ตัวละครที่น่ารัก แม้มันจะไม่ใช่ตัวละครที่ทรงพลัง เป็นแค่ตัวละครที่อ่อนแอกว่า ตัวเล็กกว่า หรือเป็น “คนธรรมดา” แต่ก็น่าจะสามารถดึงดูดเยาวชนและผู้คนได้เหมือนกัน ผศ.ดร.นากามูระกล่าว

            ด้าน ผศ.คันเดลาเรีย กล่าวว่า สุดท้ายแล้วแม้สาธารณชนที่รับสารอาจจะไม่เข้าใจความหมายทั้งหมด หรือเห็นภาพรวมทั้งหมดกับสิ่งที่ผู้ประท้วงหรือผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองต้องการจะสื่อผ่านอนิเมะหรือมังงะเรื่องโปรด แต่ไม่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร มันก็กลายเป็นเหมือนอัตลักษณ์รูปแบบหนึ่ง และเป็นหนทางในการแสดงออกถึงความคิดที่ไม่สามารถพูดออกมาได้โดยตรง

เขากล่าวว่า เหล่าผู้ประท้วงอาจซ่อนความหมายที่แท้จริงไว้หลังสัญลักษณ์ ธงประท้วง หรือแม้แต่ “มีม” คล้ายกับสิ่งที่เจมส์ ซี. สก็อตต์ เคยขียนไว้ว่า สิ่งที่แสดงออกมาอย่างหนึ่ง เมื่อมองย้อนกลับไป มนกลับหมายถึงอีกอย่างหนึ่ง    “ในแง่นี้พวกเขากำลังพยายามซ่อนสิ่งที่ต้องการสื่อจริง ๆ เอาไว้ ซึ่งในความรู้สึกของผม นี่ก็เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาเองในระดับหนึ่ง”

             ผศ.คันเดลาเรีย ระบุ “แต่ไม่ว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์จริง ๆ จะออกมาเป็นอย่างไร มันก็ทำหน้าที่เหมือนกาวที่ยึดผู้คนให้อยู่ด้วยกัน… วัฒนธรรมป็อป หรือวัฒนธรรมประชานิยมสามารถปลุกพลังผู้คนได้ ระดมการสนับสนุนให้กับผู้คนได้เหมือนกัน ซึ่งนี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น” ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่เจมส์ ซี. สก็อตต์ คือ “เป็นรูปแบบหนึ่งของการต่อต้าน เพียงแต่มันไม่ได้ท้าทายโครงสร้างอำนาจโดยตรง แต่เป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อส่งสารออกไปต่างหาก” ผศ.คันเดลาเรีย ระบุ “แค่มังงะ-ความน่ารักจากการ์ตูน จะมีน้ำหนักพอต่อการเปลี่ยนแปลงหรือไม่”

            อย่างไรก็ตามการ์ตูนมังงะอย่างวันพีช หากกว่าได้ว่า ตอนนี้ก็ยังคงมีการตีพิมพ์ขายอยู่จนถึงปัจจุบันหากรวมบอายุแล้ว ก็เป็นหนุ่มวัย 28 ปีได้ ถึงแม้เรื่องราวจะเป็นการตีถอดรหัสความหมายการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ในแบบวัฒนธรรมประชานิยม แต่หลายคนคงยังชื่นชอบการ์ตูนนี้อยู่ด้วยความบันเทิงด้วยเช่นกัน

***********

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
40 VOTES (5/5 จาก 8 คน)
VOTED: projor007, แด๊ดดี้จอเเดน, Freya Rune, famai, kyogisa, goldfish13, davin, ดร กิฟท์นางมารพยากรณ์
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
Pathological Liar โกหกจนเป็นนิสัยย้อนรอยปี 2525 กรุงเทพฯครบ 200 ปี – ยุคไร้มือถือ อินเทอร์เน็ตยังไม่มา จดหมาย–ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญคือพระเอกปิดฉากรถไฟฟ้าสีแดง+สีม่วงกิจกรรมยามว่าง ช่วยคลายเครียด ทำให้การอยู่บ้านไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อคลิปหลุด มิส...ว่อนโซเชียล 😁 คอนเทนต์สุดวาบหวิว เห็นแล้วรู้สึกสยิวทันที!เมื่อเมนูกะเพราถาด ถูกอ่านเป็นภาษาอังกฤษแบบใหม่ นี่กลับไปอ่านแบบเดิมไม่ได้แล้วนะวิเวียน ลูกสาวข้ามเwศ อีลอน มัสก์ ประกาศตัดขาดพ่อ พร้อมลั่นเลี้ยงตัวเองได้รีวิว Pirates of the Caribbean On Stranger Tides ผจญภัยล่าสายน้ำอมฤตสุดขอบโลกเคล็บลับอายุยืนของชาวญี่ปุ่น..ทำอย่างไรอายุยืนกว่า100ปีเหตุผลที่ราคาทองคำพุ่งในปี 2568ทนายรณรงค์ ขึ้นเขียงอัพหน้าใหม่ ลบคำครหาเจาะลึกดวง วันจันทร์ ของทั้ง 12 ราศี
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ฮุนเซนเดือด! ซัดไทยปล่อยเฟคนิวส์ ปมเขมรไม่ยอมรับเส้นเขตแดนรีวิว Pirates of the Caribbean On Stranger Tides ผจญภัยล่าสายน้ำอมฤตสุดขอบโลกเหตุผลที่ราคาทองคำพุ่งในปี 25683 เส้นทางถนน ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นถนนที่สวยที่สุดในประเทศไทย
ทำนายฝันสัตว์ 2 เท้าประเพณีพิธีกรรมความเชื่อ ตามตำราพิชัยสงครามของไทยมรดกปรัชญาของ “อาริสโตเติล”ยุคกรีกโบราณ สู่ความสำเร็จของ “อีลอน มัสก์”อักษรรูนทำนายนิสัยจากวันเกิด(Birthday’s Rune)
ตั้งกระทู้ใหม่