“ผมเหมือนซอมบี้” เรื่องจริงสุดสะเทือนใจของเด็กชายวัย 12 ที่ถูกผ่าตัดสมองโดยไม่รู้ตัว
วันนี้ผมมีเรื่องเล่าที่ทั้งช็อก ทั้งเศร้า และทั้งน่าคิดมาก ๆ มาแชร์ให้ฟังครับ เป็นเรื่องจริงของเด็กชายคนหนึ่งที่ชีวิตเปลี่ยนไปตลอดกาลเพราะการตัดสินใจของผู้ใหญ่ที่เขาไม่มีสิทธิ์เลือกเลยแม้แต่นิดเดียว
ย้อนกลับไปปี 1960 ที่อเมริกา มีเด็กชายวัย 12 ปีชื่อว่า “ฮาวเวิร์ด ดัลลี” เขาเป็นเด็กธรรมดา ๆ คนนึงครับ ไม่ได้มีพฤติกรรมรุนแรง ไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ได้พูดคนเดียวหรือเห็นภาพหลอนอะไรทั้งนั้น แต่แม่เลี้ยงของเขากลับเชื่อว่าเขาเป็นโรคจิตเภท!
แม้คนรอบข้างจะไม่เห็นด้วย แต่แม่เลี้ยงก็ยืนยันจะให้เขารับการรักษาแบบ “ผ่าตัดสมองส่วนหน้า” หรือที่เรียกว่า “Transorbital lobotomy” ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่โคตรจะโหดและเป็นที่ถกเถียงมากที่สุดในศตวรรษที่ 20
แล้วใครเป็นคนลงมือผ่าตัด? คำตอบคือ “หมอวอลเตอร์ ฟรีแมน” ผู้ที่ได้ฉายาว่า “บิดาแห่งการผ่าตัดสมอง” ซึ่งฟังดูเท่ แต่เบื้องหลังนี่คือคนที่เคยผ่าตัดคนไข้โดยไม่ใช้ห้องปลอดเชื้อ และบางครั้งก็ทำในห้องทำงานธรรมดา ๆ นี่แหละครับ
วันที่ 16 ธันวาคม ฮาวเวิร์ดถูกทำให้สลบด้วยไฟฟ้า แล้วหมอก็ใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า “Orbitoclast” ซึ่งหน้าตาคล้ายที่แกะน้ำแข็ง สอดเข้าไปทางเบ้าตาทั้งสองข้าง ทะลวงผ่านกระดูกบาง ๆ เข้าไปในสมอง แล้วหมุนไปมาเพื่อ “ตัดการเชื่อมต่อของเส้นใยประสาท” ในสมองส่วนหน้า
ฟังแล้วขนลุกใช่มั้ยครับ? การผ่าตัดใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น! เช้าวันต่อมา ฮาวเวิร์ดฟื้นขึ้นมาด้วยอาการมึนงง มีไข้ และรอยฟกช้ำที่ดวงตา เขาเล่าว่า “ผมเหมือนซอมบี้” ไม่มีภาพจำอะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น มีแค่ความรู้สึกหลงเหลือหลังฟื้นขึ้นมาเท่านั้น
ชีวิตหลังจากนั้นของเขาไม่ใช่เรื่องสวยงามเลยครับ เขาถูกแยกออกจากครอบครัว ต้องไปอยู่สถานสงเคราะห์ โรงเรียนดัดสันดาน และแม้กระทั่งในเรือนจำ ต้องต่อสู้กับปัญหาติดสุรา เป็นคนไร้บ้าน และความสิ้นหวังนานหลายสิบปี
ถามว่าเขาทำผิดอะไร? คำตอบคือ “ไม่มี” เขาแค่เป็นเด็กที่ถูกตัดสินว่า “ผิดปกติ” โดยคนที่ควรจะปกป้องเขา
แต่เรื่องยังไม่จบครับ เมื่อฮาวเวิร์ดอายุประมาณ 50 ปี เขาตัดสินใจเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเอง ด้วยความช่วยเหลือจากโปรดิวเซอร์ของสถานีวิทยุ NPR เขาได้เข้าถึงบันทึกเก่า ๆ ของหมอฟรีแมน และถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตให้โลกได้รับรู้
ในปี 2007 เขาได้ตีพิมพ์บันทึกความทรงจำชื่อ “My Lobotomy” ซึ่งกลายเป็นหนังสือที่สะเทือนใจสุด ๆ และเป็นหลักฐานถึงความเจ็บปวดจากการรักษาที่ผิดพลาด
ต้องบอกก่อนว่า การผ่าตัด Lobotomy เคยเป็นที่นิยมมากในช่วงก่อนปี 1950 เพราะยังไม่มียารักษาโรคจิตเภทที่มีประสิทธิภาพ แต่หลังจากมีการค้นพบยาต้านอาการทางจิตตัวแรก การผ่าตัดนี้ก็เริ่มถูกมองว่า “โหดร้ายและไร้มนุษยธรรม”
ทุกวันนี้ การผ่าตัดแบบนี้แทบจะไม่มีใครใช้แล้วครับ เพราะมันไม่ได้รักษาอะไรจริง ๆ แถมยังทำให้คนไข้สูญเสียความสามารถในการคิด การรู้สึก และการใช้ชีวิตอย่างปกติ
ฮาวเวิร์ดเอง แม้จะผ่านเรื่องร้าย ๆ มาเยอะ แต่สุดท้ายเขาก็สร้างชีวิตใหม่ได้ในฐานะคนขับรถบัส มีครอบครัวที่รัก และใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
แต่คำถามที่ยังค้างคาใจเขามาตลอดก็คือ... “ทำไมพ่อถึงยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น?”
ผมอ่านแล้วน้ำตาซึมเลยครับ เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องของการรักษาผิดพลาด แต่มันคือเรื่องของความไว้ใจ ความรัก และการตัดสินใจของผู้ใหญ่ที่ส่งผลต่อชีวิตเด็กคนหนึ่งไปตลอดกาล
เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า บางครั้ง “ความหวังดี” ที่ไม่ได้ฟังเสียงของผู้ถูกกระทำ อาจกลายเป็น “ความรุนแรง” ที่ทำลายชีวิตคนได้โดยไม่รู้ตัว
ใครที่เป็นพ่อแม่ หรือกำลังดูแลเด็ก ๆ อย่าลืมฟังเขาให้มาก ๆ นะครับ เพราะเสียงเล็ก ๆ ของเขา อาจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเขาเลยก็ได้
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ ใครเคยเจอเรื่องราวสะเทือนใจแบบนี้ หรือมีความเห็นยังไง มาแชร์กันได้นะครับ ผมอยากฟังทุกเสียงเลยจริง ๆ







