"เฉินหยวนหยวน"นางโลมล่มเมือง
จากภาษิตจีนมีคำกล่าวที่ว่า "ยิ้มแรกสะกดใจคนทั้งแผ่นดิน ยิ้มอีกครั้งกลับทำแผ่นดินล่ม"ใช้สื่อถึงสตรีที่มีความงาม จนเป็นเหตุให้บ้านเมืองต้องล่มจม ซึ่งผู้เขียนเคยเขียนเรื่องเเกี่ยวกับสาวงามผู้สั่นสะเทือประวัติศาสตร์จีน ที่กล่าวถึง 4 สาวงาม และ 6 หญิงงามผู้ร้ายกาจ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ นางโลมผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็น "ผู้ล่มราชวงศ์หมิง" นั่นคือ "เฉินหยวนหยวน"
เฉินหยวนหยวน เดิมแซ่สิง ชื่อหยวน ชื่อรองหยวนหยวน เกิดในตระกูลพ่อค้าหาบเร่อยู่ที่เมืองอู่จิ้น ปัจจุบันคือ เมืองฉางโจว ในมณฑลเจียงซู ตรงกับช่วงปลายราชวงศ์หมิง ครอบครัวนางยากจน แม่ตายไปตั้งแต่ยังเล็ก พ่อก็ทอดทิ้งนาง จนสุดท้ายได้รับการเลี้ยงดูจากน้าเขย จึงเปลี่ยนไปใช้แซ่ "เฉิน" ตามน้าเขย นับเป็นสตรีผู้มีความงดงามเพียบพร้อมไปด้วยความสามารถทั้งด้านการเขียนพู่กัน หมากรุก วาดรูปและพิณโบราณ
เมื่อนางเติบใหญ่ ก็ถูกขายตัวให้ไปทำงานในหอนางโลม ในมณฑลหนานจิง เรียกได้ว่าชีวิตของเฉินหยวนหยวนนั้นน่าสงสารมาก อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถในการขับร้องของนาง ก็ทำให้นางกลายเป็นนางขับร้องชื่อดังแห่งหนานจิง จนได้รับฉายาว่าเป็น "นางโลมผู้งามเลิศแห่งเจียงหนาน"
ต่อมา "เถียนหงอวี่" ขุนนางในราชสำนักหมิง ซื้อตัวเฉินหยวนหยวนไปถวายให้ "จักรพรรดิฉงเจิ้น" ถือว่าเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์หมิง เพื่อให้จักรพรรดิพึงพอใจในตน และลูกสาวของตนที่เป็นสนมในวังก็จะได้รับความโปรดปรานมากขึ้น แต่เรืีองราวกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเป็นช่วงบ้านเมืองระส่ำระส่าย จักรพรรดิฉงเจิ้นก็มัวแต่วิตกเรื่องการเมือง ทำให้ไม่ได้สนใจเฉินหยวนหยวนเลยแม้แต่น้อย ในภายหลัง เฉินหยวนหยวนจึงถูกแม่ทัพคนสำคัญผู้ปกป้องชายแดนราชวงศ์หมิง จากชาวแมนจูอย่าง "อู๋ซานกุ้ย" รับไปเป็นภรรยาแทน
ชีวิตอันรันทดของ เฉินหยวนหยวน ที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ช่วงเวลาสิบปีที่ผ่านมาของนาง ล้วนแต่ต้องพเนจร ถูกส่งให้ไปอยู่กับคนนู้นที คนนี้ที แต่เมื่อนางได้พบกับอู๋ซานกุ้ย นางจึงรู้สึกมีความหวัง เพราะอู๋ซานกุ้ยตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกเห็น และอยากจะครองคู่กับนางไปตลอดชีวิต ทำให้นางตัดสินใจตกลงปลงใจกับอู๋ซานกุ้ยนั่นเอง แต่โชคกลับไม่เข้าข้าง หลังจากอยู่กินกันได้ไม่นาน อู๋ซานกุ้ยก็ถูกบังคับให้กลับไปที่ด่านซานไห่อย่างเร่งด่วน ซึ่งนี่คือจุดพลิกผันของราชวงศ์หมิงเลย
เพราะว่าหลังจากที่อู๋ซานกุ้ยออกจากปักกิ่งไปรักษาการณ์ที่ชายแดนได้ไม่นาน ในปี ค.ศ.1644 กองทัพชาวนาที่นำโดย "หลี่จื้อเฉิง" ก็เข้ายึดกรุงปักกิ่ง สถาปนาราชวงศ์ต้าซุ่น ในตอนนั้นจักรพรรดิฉงเจิ้นก็สิ้นหวังจนฆ่าตัวตายเลยทีเดียว นอกจากนี้ หลี่จื้อเฉิงเองก็ชิงตัวเฉินหยวนหยวนไปด้วย
พออู๋ซานกุ้ยรู้ว่าเฉินหยวนหยวน ถูกหลี่จื้อเฉิงชิงตัวไปก็โกรธมาก ถึงขั้นยอมทรยศบ้านเมืองเพื่อช่วยเฉินหยวนหยวน โดยการเปิดด่านซานไห่ ปล่อยให้กองทัพชาวแมนจูที่ชายแดนบุกเข้าแผ่นดินราชวงศ์หมิง นอกจากจะเป็นการล่มราชวงศ์หมิงแล้ว ยังทำให้ราชวงศ์ต้าซุ่นของหลี่จื้อเฉิงเองก็ล่มสลายเช่นกัน และนี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดราชวงศ์ชิงในเวลาต่อมา
หลังจบศึก เฉินหยวนหยวนก็ได้กลับมาอยู่กับอู๋ซานกุ้ย ในตอนนั้น อู๋ซานกุ้ยก็เป็นแม่ทัพให้กับราชวงศ์ชิง ทำศึกให้หลายต่อหลายครั้งจนได้รับการแต่งตั้งเป็น "อ๋องแห่งยูนนาน"
แต่พอแก่ตัวไป เขากลับมีความคิดจะกบฏราชวงศ์ชิง จึงเริ่มบุกยึดมณฑลเสฉวน จนถึงหูหนาน พร้อมสถาปนาตัวเองเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ต้าโจวแต่สุดท้ายก็ตายในปี ค.ศ. 1678 พร้อมกับกองทัพที่ถูกกวาดล้างทั้งตระกูล
ส่วนชะตากรรมของเฉินหยวนหยวน ยังไม่มีการบันทึกไว้อย่างแน่ชัด บางที่มาบอกว่าเฉินหยวนหยวนเห็นสามีตัวเองคิดก่อกบฏ นางจึงหลีกเลี่ยงการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกองทัพกบฏของตระกูลอู๋ และแยกออกไปอยู่คนเดียว
บางบันทึก กล่าวว่านางพาลูกหลานตระกูลอู๋ไปปฏิบัติธรรมและบวชชีที่มณฑลกุ้ยโจว เพื่อที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบ อีกทั้งยังสามารถรักษาสายเลือดตระกูลอู๋ของสามีไว้ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ก็มีบางที่มาที่บอกว่า นางอาจจะฆ่าตัวตายตั้งแต่ตอนที่กองทัพชิงตีเข้าที่คุนหมิงแล้วก็ได้
อย่างไรก็ตาม เฉินหยวนหยวน ถือเป็นสตรีผู้เห็นการล่มสลายของราชวงศ์ถึง 3 ราชวงศ์อย่าง หมิง ต้าชุ่น และต้าโจว ซึ่งจริง ๆ เมื่อวิเคราะห์แล้ว ฉายานางโลมล่มเมืองของนาง อาจเป็นเพียงการกล่าวโทษผู้หญิงคนหนึ่ง แทนการมองไปที่ความทะเยอทะยาน แก่งแย่งชิงดีของผู้ปกครองในสมัยนั้น
สรุปคือเฉินหยวนๆ ถึงจะได้รับฉายานางโลมล่มเมือง หรือหญิงงามล่มเมือง แต่ถ้าดูเรื่องราวเหมือนกับหยางกุ้ยเฟยเลย คือการเป็นแพะรับบาป แล้วสาเหตุที่แท้จริงก็มาจากความอ่อนแอในราชสำนักเอง ก็อาจเป็นได้
*****











