ทนายแก้วฟันธง! ปมคลิปสยิว “เบบี้” เสี่ยงคุก 3 ปี ผิด พ.ร.บ.คอมฯ ชัดเจน
ทนายแก้ว ไขข้อกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ กรณี “เบบี้ สุพรรณี” โดนโยงคลิปลามก – แค่ภาพหลุดเข้าระบบก็เสี่ยงคุกแล้ว!
วันที่ 23 กันยายน 2568 รายการดัง โหนกระแส ที่มี หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย เป็นพิธีกร ได้หยิบยกประเด็นร้อนที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ เกี่ยวกับกรณีของ เบบี้ สุพรรณี น้อยโนนทอง อดีตมิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2026 และอินฟลูเอนเซอร์สาวสายเซ็กซี่ ที่กำลังถูกพูดถึงอย่างหนักหลังมี คลิปและภาพลักษณะลามกอนาจาร ถูกเผยแพร่บนโลกโซเชียล
เพื่อความชัดเจนทางกฎหมาย รายการได้เชิญ ทนายแก้ว มาร่วมอธิบายข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะในประเด็น พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ”
สิ่งที่ทำให้หลายคนต้องตกใจคือ แม้เพียงการนำภาพหรือคลิปลามกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ ก็อาจมีความผิดและโทษจำคุกได้แล้ว
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ คืออะไร และเกี่ยวข้องอย่างไรกับคลิปลามก
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมในปี 2560 เป็นกฎหมายที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดที่เกิดขึ้นผ่านระบบคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต เช่น การแฮกข้อมูล การปล่อยไวรัส การโพสต์ข้อมูลเท็จ รวมไปถึง การนำเข้าข้อมูลลามกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ในกรณีของ เบบี้ สุพรรณี ทนายแก้วชี้ชัดว่า หากมีการโพสต์หรืออัปโหลดคลิปลามกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะโดยตนเองหรือบุคคลอื่น ก็เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย
ประเด็นกฎหมายที่เกี่ยวข้อง – คำอธิบายจาก “ทนายแก้ว”
ทนายแก้วได้อธิบายข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด โดยเน้นไปที่ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
1. ผู้โพสต์ / ผู้ที่นำเข้าข้อมูล (มาตรา 14(4))
หากบุคคลใดกระทำการ “นำเข้าข้อมูลลามกสู่ระบบคอมพิวเตอร์” ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ เช่น
อัปโหลดคลิปลงเว็บไซต์
โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก, TikTok, IG แบบสาธารณะ
จะถือว่ามีความผิดทันที
โทษสูงสุด : จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตาม หากเป็นเพียงการส่งต่อให้ “บุคคลใดบุคคลหนึ่ง” เช่น ส่งคลิปทางแชทส่วนตัว โทษจะลดลงเหลือ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท และเป็นความผิดที่สามารถ ยอมความได้
2. ผู้แชร์ / ผู้ส่งต่อ (มาตรา 14(5))
หากบุคคลใดทำการ เผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลลามก โดยที่ รู้หรือควรรู้ว่าข้อมูลดังกล่าวผิดกฎหมาย ก็จะต้องรับโทษเช่นเดียวกับผู้โพสต์ต้นฉบับ
โทษสูงสุด : จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตัวอย่างที่เข้าข่าย:
การแชร์คลิปจากโพสต์ต้นทางไปยังกลุ่มไลน์
การรีโพสต์บนโซเชียลโดยไม่คำนึงถึงผลทางกฎหมาย
3. ผู้ตัดต่อภาพ / ทำให้เสื่อมเสีย (มาตรา 16)
หากนำภาพบุคคลอื่นมา ตัดต่อ, ดัดแปลง หรือใส่ข้อความ ในลักษณะที่ทำให้เจ้าของภาพ เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือได้รับความอับอาย ถือว่ามีความผิด
โทษสูงสุด : จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เป็นความผิดที่สามารถ ยอมความได้
กรณี “เบบี้ สุพรรณี” เข้าข่ายหรือไม่?
ทนายแก้วได้ย้ำว่า กรณีของเบบี้ สุพรรณี เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์หรืออัปโหลดคลิปเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้
แม้จะยังไม่ชัดเจนว่า ผู้โพสต์ต้นทางเป็นใคร แต่หากมีการพิสูจน์ได้ว่ามีการเผยแพร่จริง บุคคลนั้นจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
มุมมองทางสังคม : คลิปหลุดไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ
กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในยุคดิจิทัล เพราะสื่อออนไลน์สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ “คลิปหลุด” หรือ “ภาพลามก” กลายเป็นประเด็นร้อนที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัวของผู้เกี่ยวข้องโดยตรง
1. ต่อบุคคลที่ถูกเผยแพร่ – อาจได้รับผลกระทบด้านชื่อเสียง, งาน, และสภาพจิตใจ
2. ต่อผู้โพสต์/แชร์ – เสี่ยงถูกดำเนินคดี มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
3. ต่อสังคม – ส่งผลให้เกิดค่านิยมที่ผิดและละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
คำเตือนจากทนายแก้ว : อย่าหาทำ!
ทนายแก้วฝากเตือนประชาชนทุกคนว่า
อย่าอัปโหลดหรือแชร์ ข้อมูลลามกอนาจารลงสู่โลกออนไลน์ ไม่ว่าจะคิดว่าเป็นเรื่องเล่น ๆ หรือเพื่อความบันเทิง
หากพบคลิปที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ควรหยุดการส่งต่อทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองตกเป็นผู้กระทำผิด
กฎหมายไทยเอาผิดได้จริง และมีบทลงโทษชัดเจน
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ กับการใช้ชีวิตในโลกออนไลน์
หลายครั้งที่ประชาชนอาจไม่รู้ว่า พฤติกรรมเล็ก ๆ บนโลกออนไลน์สามารถนำไปสู่โทษทางกฎหมายได้ กรณีของเบบี้ สุพรรณี จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การโพสต์, การแชร์, หรือการตัดต่อภาพที่ไม่เหมาะสม อาจนำไปสู่คดีความได้
ประเด็นสำคัญที่ควรระวัง ได้แก่:
1. การแชร์โดยไม่ตรวจสอบแหล่งที่มา – เสี่ยงผิดกฎหมายโดยไม่ตั้งใจ
2. การตัดต่อภาพบุคคลดังหรือคนทั่วไป – แม้จะเป็นมีมตลก ๆ ก็อาจเข้าข่ายทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย
3. การเก็บหรือส่งต่อในแชทส่วนตัว – แม้ไม่ใช่สาธารณะ แต่หากถึงมือเจ้าหน้าที่ก็ถือว่ามีความผิด
ผลกระทบในวงกว้างของกรณี “เบบี้ สุพรรณี”
นอกจากด้านกฎหมายแล้ว กรณีนี้ยังสร้างผลกระทบทางสังคมและวงการบันเทิงอย่างมาก
วงการบันเทิง : ชื่อเสียงของเบบี้ สุพรรณี กลับมาเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง ทั้งในเชิงลบและบวก
โลกโซเชียล : สร้างกระแสถกเถียงเรื่องเสรีภาพการแสดงออก vs ความเหมาะสมตามกฎหมาย
ภาคกฎหมาย : เป็นเคสตัวอย่างที่ทำให้สังคมเข้าใจข้อกฎหมายชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในประเด็น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
สรุป
กรณี เบบี้ สุพรรณี ที่ถูกโยงเข้ากับคลิปลามกบนโลกออนไลน์ ทำให้รายการ โหนกระแส ต้องหยิบยกมาถก และ ทนายแก้ว ได้อธิบายข้อกฎหมายอย่างชัดเจนว่า การนำข้อมูลลามกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ไม่ว่าจะเป็นผู้โพสต์ ผู้แชร์ หรือผู้ตัดต่อภาพ ล้วนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
นี่เป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญสำหรับทุกคนที่ใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ เพราะการกระทำที่คิดว่าเล็กน้อย อาจนำไปสู่ คดีความร้ายแรงและโทษจำคุกได้จริง
อ้างอิงจาก: ขอบคุณภาพจาก รายการโหนกระแส


