"อย่ามาชะนี" "อย่ามาอ้างเพศ" ทำไมจึงกลายเป็นวลีสะท้อนยุคเท่าเทียม

ความหมาย
“ชะนี” = คำเรียกหญิงสาวแบบกวน ๆ หรือล้อเลียน (จริง ๆ คือชื่อสัตว์ "ชะนี" แต่ถูกเอามาเปรียบกับผู้หญิงที่ทำตัวเว่อร์ วีน ๆ หรือดราม่า)
1.“อย่ามาชะนี”
คือ อย่ามาทำตัวเยอะ ๆ / อย่ามาเว่อร์ / อย่ามาเล่นใหญ่
บางครั้งอาจเป็นการ แอบดูถูก หรือ แซวแรง โดยเฉพาะถ้าใช้กับผู้ชาย → มีนัยว่า “อย่าทำตัวเป็นผู้หญิง” (ซึ่งสะท้อนอคติทางเพศเล็ก ๆ ด้วย)
ตัวอย่างการใช้ เช่น
เพื่อนพูดเสียงสูงแบบเล่นใหญ่: “โอ๊ยยย ฉันไม่ไหวแล้ววว” → อีกคนตอบ “เลิกชะนีได้ละ”
เพื่อนชายหวงแฟนเกินเหตุ → โดนแซว “อย่ามาชะนี"
“อย่ามาชะนี” จึงเป็นวลีที่ใช้ในเชิงสแลง หมายถึงอย่าทำตัวเว่อร์ อย่าดราม่า อย่ากรี๊ดกร๊าดเกินเหตุมีทั้งความตลกและการดูถูกแฝงในตัว
2.“อย่ามาอ้างเพศ”
คือ เป็นการบอกความหมายตรง ๆ อย่าใช้ “เพศ” เป็นข้ออ้างเพื่อปกป้องตัวเองหรือเลี่ยงความรับผิดชอบ
เหตุการณ์ที่ใช้กันบ่อยๆ
เวลามีคนพูดว่า “ก็ฉันเป็นผู้หญิงนะ ทำไม่ได้หรอก” อีกฝ่ายตอบ “อย่ามาอ้างเพศ”
เวลามีคนใช้ “ความเป็นหญิง” มาเป็นข้อแก้ตัว ว่าทำได้หรือทำไม่ได้
ทั้งสองวลีจะกลายเป็นการนำเรื่อง เพศ มาเป็นข้ออ้างหรือเกราะกำบัง
เช่น กรณีมีคนพูดว่า “ก็ฉันเป็นผู้หญิงนะ ต้องได้สิทธิพิเศษ”
การตอบโต้กลับทันทีว่า “อย่ามาชะนี” (ตีความใหม่) “อย่าเอาเพศหญิงมาอ้างเป็นข้อได้เปรียบ”
อย่ามาชะนี และ อย่ามาอ้างเพศ คือ ตัวทำลายความเท่าเทียมในยุคที่ความเท่าเทียมคือกระแสนิยม
“อย่ามาชะนี” ไม่สอดคล้องกับความเท่าเทียมเท่าไหร่ ประมาณ 30–40%
“อย่ามาอ้างเพศ” ใกล้เคียงกับการไม่อ้างเพศสูง ประมาณ 80–90%
ทำไม “อ้างเพศ” จึงกลายเป็นศัตรูของความเท่าเทียม
1. ตอกย้ำภาพเหมารวม (Stereotype Reinforcement)
การอ้างเพศใช้เหตุผลจากภาพจำ เช่น ผู้ชาย = แข็งแรง, ผู้หญิง = อ่อนแอ
ส่งผลให้คนถูกตีกรอบตามเพศ ไม่ใช่ตามความสามารถจริง
2. บ่อนทำลายหลักการสิทธิที่เสมอภาค (Equality Principle)
ความเท่าเทียมคือการที่สิทธิ หน้าที่ และโอกาส ไม่ถูกกำหนดด้วยเพศ
การอ้างเพศกลับทำให้ “เพศ” กลายเป็นเกณฑ์หลัก ซึ่งขัดตรงข้ามกับแนวคิดความเท่าเทียม
3. เลี่ยงความรับผิดชอบ (Avoiding Accountability)
บางครั้ง “อ้างเพศ” ใช้เพื่อปกป้องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น “ผู้ชายก้าวร้าวเป็นปกติ”
ทำตัวแมนๆหน่อยๆทั้งๆผู้หญิงฝ่ายผิด นี้คือศัตรูของความเท่าเทียม
นี่ทำให้สังคมยอมรับพฤติกรรมผิดเพราะผูกติดกับเพศ
4. ลดทอนปัญหาเชิงโครงสร้าง (Erasing Structural Inequality)
ในอีกด้านหนึ่ง การบอกว่า “อย่ามาอ้างเพศ” แบบไม่ฟัง อาจกลายเป็นการ ปัดทิ้งประสบการณ์ความเหลื่อมล้ำจริง
อ้างเพศ” เป็นศัตรูของความเท่าเทียม ถ้าหมายถึงการใช้เพศเป็นข้ออ้างเพื่อสิทธิพิเศษหรือเลี่ยงความรับผิดชอบ เพราะมันตอกย้ำอคติและบ่อนทำลายหลักการที่ว่า “สิทธิและหน้าที่ควรถูกกำหนดด้วยความสามารถและความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เพศ”
แต่ ถ้าเราปัดว่า “อ้างเพศ” ทุกกรณี โดยไม่ฟังปัญหาที่เพศหนึ่งเผชิญจริง ๆ ก็จะกลายเป็นการทำลายความเท่าเทียมเช่นกัน เพราะความเท่าเทียมที่แท้จริง ต้องรับฟังความต่างที่มีอยู่จริง แล้วหาทางทำให้ โอกาสและสิทธิเท่ากันในทางปฏิบัติ
ดังนั้น ต่อไป หากใครเห็นคำว่า อย่ามาชะนี และ อย่ามาอ้างเพศ นั่นแปลว่า มันคือศัตรูของความเท่าเทียม
เพราะความเท่าเทียม ต้องไม่มีการอ้างเพศใดๆทุกมิติ

















