มื้ออาหารปลอดภัย: เทคนิคการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะ "กลืนลำบาก" และเสี่ยงสำลักสูง
ภาวะกลืนลำบาก (Dysphagia) เป็นปัญหาที่พบบ่อยมากในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีโรคประจำตัวทางระบบประสาท เช่น โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) โรคพาร์กินสัน หรือภาวะสมองเสื่อม ภาวะนี้เกิดจากความเสื่อมถอยของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกลืน และการทำงานประสานกันของระบบประสาทที่ผิดปกติไป
อาการที่สังเกตได้ง่ายคือ ไอหรือสำลัก ขณะกินน้ำหรืออาหาร มีอาการ เสียงแหบ เสียงพร่า หลังกลืน หรือรู้สึกเหมือนมีอาหารติดอยู่ในลำคอ ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะมันนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิต เช่น ภาวะขาดสารอาหารภาวะขาดน้ำ และที่ร้ายแรงที่สุดคือ ปอดอักเสบจากการสำลัก (Aspiration Pneumonia) ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญในผู้สูงอายุ การดูแลมื้ออาหารของผู้สูงอายุที่มีภาวะกลืนลำบากจึงต้องอาศัยเทคนิคที่ถูกต้องและใส่ใจอย่างสูง
1. ปรับอาหารให้ "เหมาะสม" เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
การปรับความข้นหนืดของอาหารและน้ำเป็นหัวใจสำคัญในการลดความเสี่ยงสำลัก ผู้ดูแลควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อกำหนดระดับอาหารที่เหมาะสม แต่โดยทั่วไป มีข้อแนะนำดังนี้:
-
ของเหลวต้อง "ข้นหนืด": น้ำเปล่าและของเหลวใส (เช่น ชาใส น้ำซุปใส) เป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดสำหรับผู้ที่กลืนลำบาก เพราะมันไหลลงสู่คอหอยเร็วกว่าที่กลไกการกลืนของผู้ป่วยจะทำงานได้ทัน ควรใช้ สารเพิ่มความหนืด (Thickener)ผสมกับน้ำหรือของเหลวทุกชนิด เพื่อให้ของเหลวมีความข้นหนืดคล้ายน้ำผึ้ง หรือคัสตาร์ด ซึ่งจะช่วยชะลอการไหลให้ช้าลง
-
อาหารต้อง "เนื้อเดียว": หลีกเลี่ยงอาหารที่มีหลายเนื้อสัมผัสในคำเดียว (เช่น ข้าวสวยกับน้ำแกง หรือผลไม้ที่มีน้ำและเนื้อแยกกัน) เพราะจะทำให้ควบคุมการกลืนยาก อาหารที่ปลอดภัยคือ อาหารปั่นข้น (Pureed Food) ที่มีความละเอียด เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีกากใย หรืออาหารเนื้อนุ่มที่ตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กพอดีคำ และมีซอสหรือน้ำข้นๆ ช่วยเพิ่มความลื่น
-
หลีกเลี่ยง: อาหารแห้ง กรอบ แข็ง (เช่น ขนมปังกรอบ ถั่ว) หรืออาหารที่เหนียวติดคอ (เช่น ข้าวเหนียว ขนมโมจิ)
2. ปรับ "ท่าทาง" และ "เทคนิคการกลืน" ที่ถูกต้อง
ท่าทางที่ถูกต้องขณะรับประทานอาหารจะช่วยปิดทางเดินหายใจและเปิดทางให้หลอดอาหารรับอาหารได้ปลอดภัยขึ้น
-
ท่านั่งที่ถูกต้อง: ให้ผู้สูงอายุนั่งตัวตรง 90 องศา ลำตัวและศีรษะตั้งตรง หรือเอนหลังพิงได้เล็กน้อย หลังอาหารควรนั่งในท่าตรงนี้ต่ออย่างน้อย 30 นาที เพื่อป้องกันกรดไหลย้อนหรืออาหารไหลย้อนกลับ
-
เทคนิคก้มคาง (Chin Tuck): ขณะกลืน ให้ผู้สูงอายุ ก้มศีรษะลงเล็กน้อย (เก็บคาง) การทำท่านี้จะช่วยบีบกล้ามเนื้อบริเวณคอหอยและลดช่องว่างเหนือกล่องเสียง ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้อาหารหลุดเข้าไปในหลอดลม
-
กินช้า ๆ และตั้งใจ: ให้ผู้ป่วยตักอาหาร คำเล็กพอดีคำ และ กลืนทีละครั้ง โดยผู้ดูแลควรคอยกระตุ้นให้กลืนซ้ำ 2-3 ครั้ง ต่ออาหาร 1 คำ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีอาหารหลงเหลือในช่องปากหรือคอหอยก่อนจะตักคำต่อไป
-
ลดสิ่งรบกวน: มื้ออาหารควรเป็นช่วงเวลาที่สงบ ปิดโทรทัศน์ หรือลดการพูดคุยในระหว่างการรับประทานอาหาร เพื่อให้ผู้สูงอายุมีสมาธิกับการกลืน
3. การบริหารและฟื้นฟู "กล้ามเนื้อการกลืน"
การฝึกบริหารกล้ามเนื้อเป็นประจำจะช่วยคงความแข็งแรงของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการกลืนได้ ผู้ดูแลสามารถพาผู้สูงอายุไปปรึกษา นักกิจกรรมบำบัด หรือนักแก้ไขการพูด (Speech Pathologist) เพื่อรับคำแนะนำท่าบริหารที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล เช่น:
-
บริหารริมฝีปากและลิ้น: ฝึกทำปากจู๋ สลับกับฉีกยิ้มกว้าง หรือแลบลิ้นแตะมุมปาก เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ช่วยควบคุมอาหาร
-
บริหารกล้ามเนื้อลำคอ: การฝึกกลืนให้แรงขึ้น (Effortful Swallow) หรือการบริหารกล้ามเนื้อคอหอยตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
สิ่งที่ต้องจำไว้เสมอ: การกลืนลำบากไม่ใช่เรื่องที่ดูแลเองได้โดยลำพัง ควรพาผู้สูงอายุไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำจากทีมสหสาขาวิชาชีพ เพื่อให้มั่นใจว่าคนที่คุณรักจะได้รับสารอาหารที่เพียงพอและใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยในทุกมื้ออาหาร
หากคุณกำลังมองหาศูนย์ดูแลที่เชี่ยวชาญด้านภาวะกลืนลำบากและพร้อมปรับอาหารตามหลักโภชนาการสำหรับผู้สูงอายุ เรายินดีให้คำปรึกษาและออกแบบแผนการดูแลมื้ออาหารที่ปลอดภัยที่สุดให้กับคนที่คุณรัก
เว็บไซต์: https://baansanraknursinghome.com/

















