คนรุ่นใหม่กับพฤติกรรม Posting Zero จริงหรือ?
เวลามีคำว่า posting zero โผล่มา หลายคนอาจงง ๆ ว่ามันหมายถึงอะไร จริง ๆ แล้วมันคือการที่คนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งเลือก “ไม่โพสต์อะไรเลย” ในโซเชียล ถึงจะเล่นแต่ก็ไม่อยากฝากร่องรอยไว้ในหน้าฟีด ชอบเงียบ ๆ ดูมากกว่าแสดงตัวเอง บางทีก็ใช้โซเชียลเป็นแค่ “หน้าต่าง” ไม่ใช่ “เวที”
โซเชียลจากพื้นที่โชว์ → พื้นที่ส่อง พฤติกรรมนี้สะท้อนการเปลี่ยนความหมายของ “พื้นที่ออนไลน์” แต่ก่อนใครมีรูป มีทริป มีอาหารสวย ๆ ก็รีบอวด โลกโซเชียลคือการสร้าง ตัวตนสาธารณะ ให้เพื่อน ๆ และสังคมรับรู้ แต่ตอนนี้คนรุ่นใหม่หลายคนกลับรู้สึกว่า การโพสต์มากไปก็เหมือนเปิดชีวิตให้ถูกจับตา ถูกตัดสิน หรือถูกใช้เป็นข้อมูลทางธุรกิจโดยไม่เต็มใจ มันเลยเกิดการ “ถอนร่าง” ออกจากการโพสต์ เหลือแต่การ “เฝ้ามอง” หรือ lurking อย่างเดียว
สิ่งที่น่าสนใจคือ posting zero ไม่ได้แปลว่าเขาหายไปจากโลกออนไลน์ แต่เขายังมีตัวตน แค่เลือก “ไม่ฝากหลักฐาน” ให้ใครมาขุดเจอ เช่น เด็กมหาวิทยาลัยที่เปิดทวิตไว้ส่องข่าว บทเรียน หรือความเคลื่อนไหวของดารา แต่ไม่เคยทวีตเองเลย หรือบางคนมี IG แต่ไม่เคยลงรูปใหม่ ๆ มาหลายปี ทั้งที่เข้ามาเช็กสตอรีเพื่อนทุกวัน
และนี่อาจคือ จัดการความเสี่ยงทางสังคม คนเรารู้ว่าการโพสต์คือการเปลือยตัวเองต่อสายตาคนจำนวนมาก จึงเลือก “เก็บความเป็นส่วนตัว” ด้วยการเงียบแทน
สิ่งที่ชวนคิดคือ การไม่โพสต์บางทีก็เป็นการสื่อสารในตัวมันเอง เช่น เพื่อนกลุ่มหนึ่งคุยกันว่าทำไมคนนั้นหายไปจากฟีด แปลว่าเขา มีตัวตน ผ่านความเงียบ คนรอบข้างยังรับรู้ ยังตีความ บางทีการไม่อัพเดตสถานะกลับทำให้คนสงสัยและพูดถึงมากกว่าการโพสต์ถี่ ๆ เสียอีก
วัฒนธรรม zero = ภูมิคุ้มกัน?
ถ้าเทียบกับอดีตที่ “การโพสต์” คือการแสดงว่าเรามีชีวิตชีวา การ “ไม่โพสต์” ของคนรุ่นใหม่อาจเป็น ภูมิคุ้มกันทางดิจิทัล ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเอง เหมือนเป็นการตั้งกำแพงต่อโลกที่เต็มไปด้วยการเก็บข้อมูล การเปรียบเทียบ และการตัดสินทางสังคม นี่คือวิวัฒนาการของวัฒนธรรมดิจิทัล ที่จากเดิมเน้นโชว์ ปรับไปสู่การควบคุมการเปิดเผยตัวตน
แล้วจริงคงไม่ใช่ทั้งหมด บางคนยังโพสต์หนักเหมือนเดิม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเลือกเส้นทาง “zero” หรืออย่างน้อยก็ “น้อยมาก” จนเกือบเท่าศูนย์ ความหลากหลายนี้สะท้อนให้เห็นว่า โลกออนไลน์ไม่ใช่พื้นที่ที่คนรุ่นใหม่ใช้ไปในทางเดียว แต่เป็นสนามที่แต่ละคนต่อรอง จัดการ และเลือกว่าจะ “เปิด” หรือ “ปิด” ตัวเองแค่ไหน
สรุปแล้ว posting zero ไม่ใช่การหายไป แต่คือวัฒนธรรมใหม่ที่สะท้อนว่า คนรุ่นใหม่กำลังมองโลกออนไลน์อย่างระแวดระวังมากขึ้น พวกเขายังอยู่ ยังมอง แต่เลือกจะไม่ทิ้งร่องรอย และในความเงียบนั้น…ก็มีเสียงบางอย่างที่ดังไม่แพ้โพสต์ใด ๆ

















