“เทพธิดาผมวิเศษปราบจระเข้” หรือรีแบรนด์พระแม่ธรณี?
กรณีชุดประจำชาติกัมพูชา บนเวที Miss Asia Pacific International 2025 (ฟิลิปปินส์) กับคำอธิบายว่าแรงบันดาลใจมาจาก “นางรอมไซซอก” เทพธิดาผมวิเศษผู้ควบคุมน้ำ ปราบจระเข้เพื่อปกป้องเจ้าชาย และก่อเกิดภูมิประเทศพระตะบอง ฟังดูอลังการมาก แต่พอแกะทีละชั้น เรื่องนี้กลับเผยให้เห็น “การเล่าใหม่ที่ไม่ซื่อ” ต่อรากวัฒนธรรมของตัวเอง แถมยังปะปนข้อมูลมั่วชัว (misinfo) แบบหน้าตาเฉย
สิ่งที่ตาเห็น vs สิ่งที่เล่า
-
ท่าจับมวยผมบิดให้น้ำไหล คือภาพจำตรงตัวของ “พระแม่ธรณีบีบมวยผม” (ในกัมพูชารู้จักกันในชื่อ “พระนางคงหิง/Neang Konghing”) ไม่ใช่ท่วงท่าทั่วไปที่เผอิญเหมือน
-
องค์ประกอบหลักคือ “ผมยาวเฟื้อยเป็นสายน้ำ” ยิ่งตอกย้ำแหล่งอ้างอิงเดียวกัน พระแม่ธรณีในศิลปะเถรวาททั้งไทย-กัมพูชา
-
เมื่อ สิ่งที่ตาเห็น ตรงกับภาพจำสาธารณะชัดขนาดนี้ แต่ สิ่งที่เล่า กลับบอกว่าเป็นเทพธิดาอีกองค์ที่ “ใช้ผมควบคุมน้ำปราบจระเข้” นั่นไม่ใช่ความสร้างสรรค์ แต่มันคือการ “ยืมโครงเดิมแล้วสวมชื่อใหม่” เพื่อหลบแรงเสียดทานจากความคล้ายไทย
ตำนานเก่าเล่าใหม่…แต่ใจไม่บอก
-
พระตะบอง–พนมสัมปอฟ (Phnom Sampov) มีเรื่องเล่าจระเข้ดังอยู่จริง แนวเส้นเรื่องหลักคือ “จระเข้อาทอน” ผู้โหดร้ายถูกปราบ แต่วงเล่า ไม่ได้มีเทพธิดาชื่อ “รอมไซซอก” ที่ปราบจระเข้ด้วย “ผมวิเศษ”
-
ชื่อ “รอมไซซอก” โผล่ขึ้นมาในบริบทสมัยใหม่และสื่อร่วมสมัยมากกว่า จึงน่าเข้าเค้าว่าเป็น การประกอบสร้าง (constructed narrative) เพื่องานประกวด มากกว่าจะเป็น “เทพนิยายรากแก้ว” ของกัมพูชา
ปัญหาไม่ใช่ “เหมือน” แต่คือ “ไม่ซื่อ" การแลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจข้ามพรมแดนเป็นเรื่องปกติ เอาไปเลย ถ้าคุณ ยอมรับ ว่าคุณอ้างจากอะไร แต่ประเด็นคือ การปฏิเสธต้นทาง แล้วประกาศว่า “นี่คือเทพธิดาองค์ใหม่ของเรา” ทั้งที่ท่าทาง สัญลักษณ์ ความหมาย คือพระแม่ธรณีทั้งดุ้น นี่แหละคือความ ไม่เคารพรากวัฒนธรรมของตัวเอง และ บิดความจริงต่อสาธารณะ มันไม่ใช่ “ศิลปะไร้พรมแดน” ถ้าคุณปิดบังพรมแดนเดิม แล้วปลอมป้ายใหม่แปะทับ
สิ่งที่เห็นคือสูตรสำเร็จของ “ชาตินิยมทางวัฒนธรรม(ผิดๆ)เวอร์ชันประกวด”
-
เอาสัญลักษณ์ร่วมที่คนทั้งภูมิภาคคุ้นตา (พระแม่ธรณี)
-
ปรับคำอธิบายเป็นเทพธิดาเฉพาะถิ่น (รอมไซซอก)
-
ใส่ซาวด์แทร็ก “ปกป้องเจ้าชาย–ก่อรูปภูมิประเทศ–พลังสตรี” ให้ฟังยิ่งใหญ่
-
ตัดรากการอ้างอิงเดิมทิ้ง เพื่ออ้าง “ความเป็นต้นฉบับ”
ผลลัพธ์คือ ภาพและคำเล่าเรื่องไม่ประกบกัน คนดูจับโป๊ะได้ในสามวินาที และนานาชาติก็มองออกว่ามัน “ไม่อินทรีย์” กับประเพณีจริง
นี้คืออันตราย (กว่าที่คิด)
-
ทำให้คนรุ่นใหม่สับสนว่าอะไรคือตำนานจริง อะไรแต่งขึ้นเมื่อวาน พอค้นไม่เจอหลักฐาน ก็เงิบกันทั้งภูมิภาค
-
ลดทอนทุนสัญลักษณ์ของตัวเอง ทั้งที่กัมพูชามีคลังเรื่องเล่าสุดเข้ม เรียมเกร์, เขากุเลน, พระทอง นางนาค แต่กลับหยิบทางลัดที่ “เหมือนแต่ไม่ยอมรับว่าเหมือน”
-
จุดเชื้ออารมณ์กับเพื่อนบ้านโดยไม่จำเป็น จากงานศิลป์ที่ควรเชื่อมคน กลับกลายเป็นสนามพาดพิง
สรุปสั้น ๆ แบบไม่อ้อมค้อม เรื่อง “นางรอมไซซอกเทพธิดาผมวิเศษปราบจระเข้” เข้าข่ายผสมแต่งเพื่อเวที มากกว่าจะเป็นตำนานรากเหง้าของกัมพูชา ส่วนภาพ ท่าทางภาษาสัญลักษณ์ ก็คือพระแม่ธรณีชัดเจน การปฏิเสธต้นทางแล้วอ้างความเป็น “ต้นฉบับ” คือ การไม่ซื่อกับวัฒนธรรมตัวเอง และ โยนข้อมูลมั่วชัวใส่สาธารณะ
ทีมงานกัมพูชาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พวกคุณต้องเรียนรู้ที่จะ ตรงประเด็นและมีหลักฐาน ศิลปะจะยืดหยุ่นแค่ไหนก็ได้ ตราบใดที่ไม่บิดว่ามันเกิดมาจากไหน
ท้ายบรรทัดนี้คงเหลือคำเดียว: ซื่อ
ซื่อกับตา ซื่อกับใจ และซื่อกับรากของตัวเอง






















