เผยชีวิต "สแกมเมอร์" ในกัมพูชา..น่ากลัวหรือสุขสบาย ?
เผยชีวิต "สแกมเมอร์" ในกัมพูชา..น่ากลัวหรือสุขสบาย ? หลังก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ทางตำรวจญี่ปุ่นสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 29 คนในคดีฉ้อโกง โดยถูกส่งตัวกลับจากกัมพูชาเพื่อมาดำเนินคดีที่ญี่ปุ่น ซึ่งทราบภายหลังว่า ผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้ทำงานอยู่ในแก๊งสแกมเมอร์ที่ฝั่งปอยเปต และมีหน้าที่หลอกลวงคนญี่ปุ่นด้วยกันนั้น
ล่าสุด ทางสื่อดังอย่าง เดอะสเตรทไทม์ ได้อ้างอิงรายงานจากเจแปนนิวส์ แฉเบื้องหลังการทำงานของกลุ่มสแกมเมอร์ นับตั้งแต่ขั้นตอนการล่อลวงชาวญี่ปุ่นให้ไปทำงาน และการใช้ชีวิตอยู่ในศูนย์บัญชาการของสแกมเมอร์ ตลอดจนการทำงานภายในศูนย์ ตามข้อมูลการสอบสวนจากตำรวจญี่ปุ่น โดยชาวญี่ปุ่นหลายคนที่ถูกจับกุมต่างก็ถูกล่อลวงด้วยถ้อยคำต่างๆ เช่น รายได้สูงและสามารถทำเงินได้เป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้วก็ลงเอยด้วยการบังคับให้ทำงานหลอกลวงทางโทรศัพท์ ภายใต้การบังคับอย่างเข้มงวด และใช้ความรุนแรงควบคุม
หนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่เคยทำงานในศูนย์สแกมเมอรืที่ปอยเปต เผยว่ามีชาวญี่ปุ่นมากกว่า 20 คน อยู่ในศูนย์สแกมเมอร์ที่อยู่ภายในตึกที่มีกำแพงล้อมรอบ พวกเขาทุกคนต้องหลอกลวงเหยื่อทางโทรศัพท์ ซึ่งภายในตึกดังกล่าวก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมาย ทั้งร้านสะดวกซื้อ คลินิก ร้านตัดผม และร้านทำเล็บ ที่สร้างสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตอย่างสะดวกสบาย เพียงแต่ไม่สามารถออกไปภายนอกศูนย์ได้หากไม่ได้รับอนุญาต และมี รปภ. ติดอาวุธคอยประจำการอยู่ตรงประตู แถมที่ศูนย์ดังกล่าวยังมีการเลี้ยงสัตว์ดุร้ายต่างๆ อาทิ สิงโต เสือ และจระเข้ด้วย
การทำงานภายในศูนย์สแกมเมอร์ จะมีการวางระบบโดยคนจีนหลายคน ทั้งนี้ชาวญี่ปุ่น 29 คน จะสวมบทบาทเป็นพนักงานบริษัทด้านการสื่อสาร และตำรวจ รวมถึงอาชีพอื่น ๆ โดยทำงานอยู่ในพื้นที่ซึ่งแยกกันต่างหาก เป็นกลุ่มเล็ก ๆ มีการใช้โทรศัพท์ไปหลอกลวงเหยื่อตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงสมาร์ตโฟนด้วย
สำหรับอาหารที่ได้กินนั้น บางครั้งก็เป็นอาหารญี่ปุ่น อาหารจีน หรืออาหารฟาสต์ฟู้ดแล้วแต่จะส่งมาให้ เวลาเข้านอน-ตื่นนอน ของคนภายในศูนย์ล้วนถูกกำหนดเอาไว้แล้ว และจะมีการจดบันทึกผลลัพธ์ที่หลอกลวงได้ไว้บนกระดานไวท์บอร์ด และจะมีกล้องวงจรปิดคอยจับภาพคนภายในศูนย์ ซึ่งจะถูกปรับหากมาทำงานสาย หากใครก็ตามที่หลอกลวงเหยื่อไม่สำเร็จก็จะถูกทุบตี หรือเตะ หรือบอกว่าอยากจะออกไปจากที่นี่ก็จะถูกเผาแก้วหูด้วยไฟแช็กไฟแรงสูง ในขณะที่บางคนก็ถูกถอดเล็บออก
อย่างไรก็ตาม แม้จะได้รับเงินมาจากการหลอกลวงเหยื่อ ก็พบว่ามีหลายคนใช้เงินไปกับการบริการทางเพศในศูนย์ หรือแม้แต่ส่งเงินกลับมาจ่ายหนี้ โดยตอนที่ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดถูกส่งตัวกลับประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ก็ไม่มีเงินสดติดตัว คนที่มีอยู่ก็เหลือแต่ไม่มาก สูงสุดมีเพียง 2,700 เยน (ราว 580 บาท) เท่านั้น






















