เสพสมบ่มิสม : คอลัมน์เดียวเสียวกว่า 50 ปี
จากซีรีย์ ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ ปุจฉาพาเสียว (Doctor Climax) เป็นซีรีส์ไทยแนวคอมเมดี้-ดรามา เป็นเรื่องราวของ หมอนัท หมอหนุ่มด้านผิวหนังและกามโรค ซึ่งมีชีวิตแต่งงานที่สวยงามและสมบูรณ์แบบกับ ตุ๊กตา ภรรยาผู้เพียบพร้อม โดยหมอนัทมีความฝันอยากจะเป็นนักเขียนนวนิยายแนวผจญภัยที่ได้รับการตีพิมพ์ แต่โชคชะตาเล่นตลกเมื่อเขาต้องจับพลัดจับผลูกลายมาเป็นคอลัมนิสต์ประจำคอลัมน์ ปุจฉาพาเสียว ภายใต้นามปากกา ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ ตอบปัญหาเรื่องเซ็กส์ในหลากประเด็น เมื่อเปรียบเทียบความจริงก็ทำให้ผู้เขียนนึกถึงคอลัมน์หนึ่งที่อยู่คู่หนังสือพิมพ์ไทยมานานแสนนาน อาจจะเรียกได้ว่า เป็น ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ ปุจฉาพาเสียว ในโลกแห่งความจริงนั่นคือ คอลลัมน์ “เสพสมบ่มิสม”
หากย้อนกลับไปกว่า 50 ปีที่แล้ว การพูดคุยเรื่องเพศ หรือเรื่องบนเตียงอาจะเป็นเรื่องต้องห้าม หรือเป็นเรื่องไม่สามารถคุยปรึกษาใครได้ง่ายๆ ส่งผลให้ปัญหาเกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคุมกำเนิด การซื้อถุงยางอนามัยเป็นเรื่องน่าอายในสมัยนั้น แต่ในสมัยนั้นก็ยังมีคอลัมน์หนึ่งในหนังสือพิมพ์ที่กล้าออกมาเล่า มาอธิบายเกี่ยวกับเรื่องเพศอย่างตรงไปตรงมา ด้วยภาษาที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ทำให้มีแฟนคลับติดตามเรื่องราวในคอลัมน์นี้เป็นอย่างมาก นั่นคือ “เสพสมบ่มิสม”
คอลัมน์ “เสพสม บ่มิสม”โดยชื่อผู้เขียน หรือนามปากกว่า “นพ.นพพร” หรือ “นพ.นวรัต ไกรฤกษ์” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโรคผิวหนัง ที่มีความสนใจใครรู้ด้านพฤติกรรมทางเพศ เพศสัมพันธ์ และความบกพร่องทางเพศ รวมถึงยังศึกษาหาความรู้เรื่องราวเหล่านี้ผ่านการอ่านตำราเพศวิทยาจากต่างประเทศ
จนได้หยิบเนื้อหาทางเพศบางส่วนมาแปลในนิตยสารและหนังสือพิมพ์หลายฉบับ โดยเริ่มต้นการเป็นนักเขียนคอลัมน์ “วิทยาศาสตร์การแพทย์” บนนิตยสาร “รวมข่าวจักรวาลรายสัปดาห์” หรือ “จักรวาล” เมื่อปี 2513 จากการชักชวนของ “ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ” นักเขียนนวนิยายและศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2540 เจ้าของนามปากกา “พนมเทียน” ผู้แต่งเรื่อง เพชรพระอุมา ผู้เป็นบรรณาธิการหนังสือในขณะนั้น
โดยตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเขียนคอลัมน์ขึ้นมา เขาเลือกใช้ชื่อ “นพ.นพพร” มาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งชื่อนี้มาจากหลานชายคนหนึ่งที่เขารักเหมือนกับลูกตัวเองอธิบายตัวคอลัมน์ “วิทยาศาสตร์การแพทย์” โดยคร่าว ๆ คอลัมน์จะแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือเนื้อหาวิชาการทางเพศที่มีทั้งการสรุปรวบยอดมาจากหนังสือ หรือแปลมาจากตำราภาษาอังกฤษ และส่วนที่สองมีชื่อว่า “นพ.นพพร ตอบปัญหาคุณผู้อ่าน” ที่เมื่อเนื้อหาก่อนหน้าเล่าเรื่องทางเพศมาแล้ว ผู้อ่านก็เหมือนจะเก็ต และส่งคำถามที่เกี่ยวกับเรื่องเพศมาเป็นส่วนใหญ่ จะเหมือนกลายเป็นคอลัมน์ตอบปัญหาทางเพศอยู่เนือง ๆ มานับตั้งแต่นั้น
ก่อนที่ห้วงเวลาไล่เลี่ยกันในปี 2515 คุณนพรัตและคณะแพทย์จำนวนหนึ่งจะร่วมกันทำนิตยสารรายเดือนในรูปแบบ Subscription “เพศศึกษาและปรัชญา” ที่เน้นไปยังเนื้อหาทางเพศศึกษา และสุขภาวะเรื่องเพศอย่างรอบด้าน รวมถึงยังมีคอลัมน์ตอบปัญหาทางเพศของเขาในนามปากกา “นพ.นพพร” เช่นเคยในชื่อ “ท่านถาม นพพรตอบ” ซึ่งอยู่ได้ไม่นานก็ปิดตัวลงเมื่อปี 2519 ถัดมาเพียง 2 ปี คุณนพรัตก็ได้รับคำเชิญชวนจาก “พนมเทียน” เช่นเคย เพื่อให้มาเขียนคอลัมน์ตอบปัญหาทางเพศ แต่คราวนี้ไม่ได้เขียนเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือน แต่ให้มาเขียนเป็นคอลัมน์รายวันบนหนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” และในวันที่ 17 มีนาคม 2521 นั่นเอง คอลัมน์ตอบปัญหาทางเพศที่ชื่อ “เสพสม บ่มิสม” ก็ออกสู่สายตาผู้อ่านทั่วประเทศ โดยมีข้อความโปรยบนหน้าหนึ่งว่า “เริ่มแล้วในฉบับนี้ “นายแพทย์นพพร” ตอบปัญหาความลับคับอกทางเพศ ซู่ซ่าส์ดึ๋งดั๋ง หน้า 11” และเมื่อเปิดไปยังหน้าดังกล่าว จะพบกับการกล่าวเปิดคอลัมน์อย่างเป็นทางการ เนื้อความในนั้นก็น่าสนใจที่จะหยิบยกมาให้อ่านกัน
ดั่งเช่นตัวอย่างในคอลัมน์ “ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ติดตามอ่านเสพสมบ่มิสม.....เป็นประจำ จนวันนี้อยากถามปัญหาของตัวเองบ้าง ปัจจุบันอายุ 34 ปี ไม่ค่อยมีความรู้สึกทางเพศมากนัก ตอนที่มีความสัมพันธ์กับแฟน แทบจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่รู้สึกว่าอะไรเข้าออกข้างในนั้นเท่านั้น ซึ่งดิฉันปิดบังเรื่องนี้กับแฟนมานานหลายปีแล้ว จนอดรนทนไม่ไหวตัดสินใจบอกแฟน เขาก็ช่วยปรนนิบัติอย่างดี พยายามปลุกอารมณ์ต่าง ๆ นานา แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีความรู้สึกถึงจุดสุดยอดเลย ไม่ได้เพิ่งจะมีอาการแบบนี้แต่เป็นมาตั้งแต่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก อยากถามคุณหมอ ว่าใช่เป็นอาการของกามตายด้านหรือผิดปกติอะไรถึงได้เป็นแบบนี้ กลุ้มใจมาก ๆ เลยต้องรบกวนขอความช่วยเหลือจากคุณหมอช่วยชี้ทาง ด้วยความนับถือค่ะ ศรีภมร 34”
เซ็กส์เป็นสิ่งที่มนุษย์รู้จักมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ มันเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง สัญชาตญาณของการสืบพันธุ์ ถ้าไม่มีเซ็กส์ มนุษย์ย่อมสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว ความรู้เรื่องเซ็กส์ได้วิวัฒนาการมาเรื่อยๆ ตราบจนปัจจุบันนี้ ทั่วโลกได้มีการตื่นตัวกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้นคว้าและวิจัยทางแพทย์ เซ็กโซโลยี่ (Sexology) เป็นวิชาการแพทย์แขนงสุดท้าย ที่ได้รับการศึกษาค้นคว้าอย่างจริงๆ จังๆ ในระยะเวลาเพียง 20 กว่าปีมานี้เอง ทั้งๆ ที่มันควรจะได้กระทำการค้นคว้าโดยละเอียดนานมาแล้ว
สิ่งนี้น่าจะพอทำให้เห็นถึงภาพของเรื่องเพศในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี “ความตื่นตัวทางเรื่อง เพศศึกษา” เป็นสิ่งที่คนไทยยังไม่ได้ให้ความสำคัญอย่างจริงจัง และมองว่าอวัยวะพิเศษตรงหว่างขาคือเรื่องพิลึกพิลั่นหากเอามาพูดกันบนโต๊ะ ทั้ง ๆ ที่มันก็เป็นอวัยวะหนึ่งเหมือนกันกับร่างกายทั้งหมด และดูเหมือนกับว่าหลังจากการตอบปัญหาทางเพศบนพื้นที่สื่อมวลชน ในสมัยนั้นเริ่มทำได้อย่างเปิดเผย เรื่องทางเพศในมิติอื่น ๆ ก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้นตามลำดับ อย่างในปัจจุบันหากจะยกตัวอย่างเนื้อหาบนโลกออนไลน์ผ่านช่องทาง Youtube เราจะเห็นว่าบาง ช่องทางสื่อค่อย ๆ เปิดพื้นที่เรื่องเพศบนโลกออนไลน์ในมุมของการหยิบความเซ็กซี่ของคนแต่ละเพศมานำเสนอผ่านชุดนุ่งน้อยห่มน้อย พร้อมกิจกรรมบางอย่างที่ทำให้อากัปกิริยาของผู้คนเหล่านั้นเกิดความเคลื่อนไหวจนกลายเป็นความหวือหวา
แตกต่างจากหลายช่องทางในสมัยนี้ที่ “ความตื่นตัวทางเรื่องเพศศึกษา” ถูกนำเสนออย่างตรงไปตรงมาผ่านประเด็นหรือข้อสงสัยและข้อสังเกตุในมุมต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องเพศ และมีความกล้านำเสนอเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องอย่างมีความเป็นมนุษย์ ทั้งการเชิญดาราหรือคนดังมาเปิดประสบการณ์เรื่องเพศ หรือการนำวิธีการตอบปัญหาทางเพศให้กลายเป็น Video Content เหมือนอย่างที่คอลัมน์ “เสพสม บ่มิสม” ขยับตัวเองจากหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ สู่บทความบนหน้าเว็บไซต์ และกำลังจะกลายเป็นรายการออนไลน์ในชื่อ “เสพสมบ่มิสม Stories” ที่นำเอาดารามาเป็นพิธีกรผู้ถ่ายทอดเรื่องราวจากแขกรับเชิญ พร้อมทั้งยังมีแพทย์เฉพาะทางที่มานั่งให้ความรู้อยู่ข้าง ๆ แบบตรงไปตรงมา และเข้าใจง่าย หรืออย่างซีรีส์ “Doctor Climax ปุจฉาพาเสียว” ก็หยิบเอาแรงบันดาลใจจากการตอบปัญหาทางเพศบนสื่อหนังสือพิมพ์ในยุค 70 มาเป็นห้วงเวลาของการเสนอประเด็นสะท้อนกลับมายังโลกปัจจุบัน ซึ่งทำให้ผู้คนหันมาสนใจเรื่องราวนี้กันมากขึ้น เหมือนอย่างที่เราอยากหยิบเรื่องราวของคอลัมน์ “เสพสม บ่มิสม” ของ นพ.นพพร มาให้อ่านกัน
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเจ้าของนามปากกา “หมอนพพร” ได้จากโลกนี้ไปแล้วกว่า 13 ปี จากอาการปอดติดเชื้อ สิริอายุ 95 ปี แต่การตอบปัญหาทางเพศนี้ก็ยังมีคนสานต่อในการตอบปัญหาทางเพศ ในคอลัมน์ สืบต่อไป นั่นคือ ดร.โอ หรือหมอโอ
*************













