หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ตำนานวาจาสิทธิ์ของฮิจาริในอินเดีย

เนื้อหาโดย ดร กิฟท์นางมารพยากรณ์

        ในเรื่องของความหลากหลายทางเพศนั้น บางประเทศยังไม่ได้ให้สิทธิเสรีภาพมากนัก บางประเทศก็ยังคงแบ่งชนชั้นกับผู้คนที่มีความหลากหลายทางเพศด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกระเทย คำว่ากระเทย

        กะเทย ในเอกสารประวัติศาสตร์ยุคแรก ๆ ส่วนใหญ่อยู่ในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ในสังคมล้านนาสมัยโบราณ จากเอกสาร "ตํานานไทยวน" กล่าวถึงการสร้างมนุษย์แบบระบบ 3 เพศ อันได้แก่ เพศชาย เพศหญิง และไม่มีเพศ การจัดประเภทเช่นนี้ก็เพื่อแยกสภาวะความเป็นชายออกจากเพศสภาวะอื่น ๆ ที่อาจแฝงปรากฏบนเพศสรีระของชาย เนื่องจากตํานานการสร้างโลกของไทยวนได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพุทธ

        ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นปรากฏพฤติกรรมรักร่วมเพศ เช่น กรณีลูกสวาท คือพระสงฆ์อุปการะเลี้ยงเด็กชาย "กอดจูบหลับนอนเคล้าคลึงไปไหนเอาไปด้วย" หรือกรณีพระสงฆ์สมัยรัชกาลที่ 2 "พอใจลูบคลำเล่นของที่ลับพวกลูกศิษย์ที่รุ่นหนุ่มสวย ๆ" จนถูกสึก

        จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมรักร่วมเพศจะไม่กล่าวถึง “กะเทย” หรือ “ความเป็นกะเทย” แต่อย่างใด โดยคำว่า “เล่นสวาท” (ชาย-ชาย) หรือ “เล่นเพื่อน” (หญิง-หญิง) จะเป็นคำที่ถูกนำมาใช้อธิบายและเชื่อมโยงกับพฤติกรรมรักร่วมเพศ ในขณะที่คำว่า กะเทย เป็นคำนามที่บ่งบอกถึงคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ใช่ชายและหญิง ไม่ได้เหมารวมว่าคนที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ = กะเทย

        ในส่วนของคำว่า “กะเทย” นั้น พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2493 ได้กล่าวไว้ว่าคนไทอะหมก็มีคำว่า “เทย” ใช้ในความหมายเดียวกัน, กะเทย ในภาษาเขมรก็มีคำว่า “เขทิย” มีความหมายเช่นเดียวกัน ขณะที่พจนานุกรมเขมร-ไทย ฉบับของพระยาอนุมานราชธน กล่าวถึง กะเทย ว่า “เขฺทีย (เขฺตย) 1. กระเทย  2. นอกคอก นอกรีต”

        อย่างไรก็ตามในบางประเทศ “กระเทย” ถูกได้รับการยอมรับในบางบทบาทหน้าที่ และถูกกีดกันสั่งห้าม ดูหมิ่นในบางหน้าที่ วันนี้จะนำเสนอเรื่องของ “ฮิจรา” กระเทยผู้มีวาจาสิทธิ์ ที่ให้พรก็สำเร็จ หากสาปแช่งก็ทุกอย่างก็พร้อมพังพินาศ

        ในเอเชียใต้ฮิจรา คือ บุคคล ข้ามเพศ กะเทยหรือขันทีที่อาศัยอยู่ในชุมชนที่ยึดถือ ระบบ เครือญาติที่เรียกว่าระบบคุรุ-เชลาพวกเขายังเป็นที่รู้จักในชื่ออาราวานีและอารูวานีและในปากีสถานเรียกว่าคาวาจาสิรา

        ฮิจราได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเป็นเพศที่สามในหลายประเทศทั่วอนุทวีปอินเดีย โดยถือว่าไม่ใช่เพศชายหรือเพศหญิงโดยสมบูรณ์ อัตลักษณ์ของฮิจรามีต้นกำเนิดมาจากศาสนาฮินดูโบราณและพัฒนาขึ้นในช่วงสุลต่านเดลี (ค.ศ. 1206–1526) และจักรวรรดิโมกุล (ค.ศ. 1526–1707) 

        ในศตวรรษที่ 21 ฮิจราจำนวนมากอาศัยอยู่ในชุมชนฮิจราที่มีการกำหนดและจัดระเบียบอย่างชัดเจน ซึ่งนำโดยคุรุ หลายชั่วอายุคน ชุมชนเหล่านี้ประกอบด้วยผู้ที่อยู่ในความยากจนข้นแค้น หรือผู้ที่ถูกปฏิเสธหรือหนีจากครอบครัวเดิม หลายคนในนั้นเป็นโสเภณี

        คำว่า “ฮิจรา” (hijra) เป็นคำ ในภาษา ฮินดูสถาน โดย ทั่วไปแล้ว คำนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “ขันที” หรือ “กระเทย” โดยที่ “ความผิดปกติของอวัยวะเพศชายเป็นหัวใจสำคัญของคำจำกัดความ”อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไป ฮิจรา มักเกิดมาเป็นเพศชาย โดยมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เกิดมาพร้อมกับภาวะอินเตอร์เซ็กซ์  

        ฮิจราบางคนต้องผ่านพิธีกรรมการเริ่มต้นเข้าสู่ชุมชนฮิจรา hijra ที่เรียกว่า นิวาศ nirvaanซึ่งเกี่ยวข้องกับการตัดอวัยวะเพศชาย ถุงอัณฑะ และอัณฑะ

        ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 20 นักเคลื่อนไหวฮิจราและองค์กรพัฒนาเอกชน บางส่วน ได้ล็อบบี้เพื่อให้มีการรับรองฮิจราอย่างเป็นทางการว่าเป็น “เพศที่สาม” หรือ “เพศที่สาม” ซึ่งไม่ใช่ทั้งชายหรือหญิง

        ขณะที่บางส่วนได้ล็อบบี้เพื่อให้มีการรับรองในฐานะผู้หญิงและการเข้าถึงการบำบัดด้วยฮอร์โมนและ การ ผ่าตัดเพื่อยืนยันเพศ ในบังกลาเทศ ฮิจราได้รับการยอมรับในฐานะเพศที่สามและมีสิทธิ์ได้รับความสำคัญในการศึกษาและงานบางประเภทที่มีรายได้ต่ำ ในอินเดียศาลฎีกาในเดือนเมษายน 2014 ได้ยอมรับฮิจรา คนข้ามเพศ ขันที และบุคคลที่มีภาวะสองเพศเป็น “เพศที่สาม”ในทางกฎหมาย เนปาล ปากีสถาน อินเดีย และบังกลาเทศ ต่างยอมรับการมีอยู่ของเพศที่สามอย่างถูกกฎหมาย โดยอินเดีย ปากีสถาน และเนปาลได้รวมตัวเลือกสำหรับพวกเขาไว้ในหนังสือเดินทางและเอกสารราชการบางฉบับ

        ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยในสังคมอินเดียคือฮิจรา (hijra) ทั้งหมด เป็นอินเตอร์เซ็กซ์ (intersex) ไร้เพศ (asexual)และไร้สมรรถภาพทางเพศ (initiative) ซึ่งไม่ถูกต้องทั้งหมด เนื่องจากฮิจราหลายคนมีเพศสัมพันธ์ มีความสัมพันธ์ หรือมีส่วนร่วมในงานบริการทางเพศ ในอินเดีย ฮิจราบางคนไม่ได้นิยามตัวเองด้วยรสนิยมทางเพศที่เฉพาะเจาะจง แต่กลับละทิ้งเรื่องเพศโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม แนวคิดเหล่านี้อาจขัดแย้งกับความเป็นจริง ซึ่งก็คือ ฮิจรามักถูกจ้างงานเป็นโสเภณียิ่งไปกว่านั้น ในอินเดีย เพศชายที่เป็นผู้หญิงซึ่งรับบทบาท “ผู้รับ” ในการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย มักจะระบุตนเองว่าเป็นโกฐี (kothi ) หรือคำที่เทียบเท่ากันในท้องถิ่น

        แม้ว่าโกฐีมักจะแตกต่างจากฮิจราในฐานะอัตลักษณ์ทางเพศที่แยกจากกัน แต่พวกเขามักจะแต่งกายเป็นผู้หญิงและปฏิบัติตนในลักษณะผู้หญิงในพื้นที่สาธารณะ แม้กระทั่งใช้ภาษาผู้หญิงเพื่อเรียกตัวเองและกันและกัน คู่ครองทั่วไปของฮิจราและโกฐีคือผู้ชายที่คิดว่าตัวเองเป็นเพศตรงข้าม เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ที่ล่วงละเมิดทางเพศ คู่รักชายเหล่านี้มักจะแต่งงานแล้ว และความสัมพันธ์หรือเพศสัมพันธ์ใดๆ กับ “โกธิ” หรือ ฮิจรามักถูกเก็บเป็นความลับจากชุมชนโดยรวม ฮิจราบางคนอาจสร้างความสัมพันธ์กับผู้ชายและถึงขั้นแต่งงานกัน

แม้ว่าการแต่งงานของพวกเขาจะไม่ได้รับการยอมรับตามกฎหมายหรือศาสนาก็ตาม ฮิจราและโกธิมักมีชื่อเรียกคู่รักชายหรือคู่รักเหล่านี้ ตัวอย่างเช่นปันธีในบังกลาเทศกิริยาในเดลีหรือศรีธาร์ในโคชิน การศึกษาในปี 2015 พบว่าผู้เข้าร่วมที่ระบุตนเอง ว่าเป็น ปันธีรายงานว่ารสนิยมทางเพศของตนเป็นไบเซ็กชวล แต่ในการวัดผลการศึกษาอื่นๆ กลับมีความสอดคล้องกับผู้ชายทั่วไป การระบุตนเองว่าเป็นฮิจราโกธิและปันธีสามารถแยกแยะได้จากหมวดหมู่ตะวันตก เนื่องจากครอบคลุมมากกว่าแค่ความดึงดูดทางเพศ (เช่น เกย์ เลสเบี้ยน หรือไบเซ็กชวลในโลกตะวันตก) แต่ยังรวมถึงบทบาท/การแสดงออกทางเพศและความชอบในสถานะทางเพศด้วย

การศึกษาเชิงคุณภาพโดยการสัมภาษณ์พบว่าผู้ที่อยู่ในกลุ่มฮิจรา (hijra) มีแนวโน้มที่จะระบุตัวตนว่าตนเองอยู่ใน “สำนักคิด” บางกลุ่ม รวมถึงคุสราปัน (Khusrapan) และซานานาปัน (Zananapan) คำเหล่านี้หมายถึงประเภทของการทำงานของฮิจรา ผู้ที่นับถือคุสราปันระบุว่าตนเองเป็นกะเทย (hermaphrodite) ปฏิเสธการค้าบริการทางเพศ ในขณะที่เชื่อว่าประเพณีโบราณในการสวดภาวนาและขอพรนั้นเป็นสิ่งที่ต้องพึ่งพาเพื่อประคับประคอง ในทางตรงกันข้าม สำนักคิดซานานาปันมีผู้ติดตามที่อาจเกิดมาเป็นชายโดยกำเนิด แต่ระบุตัวตนว่าเป็นผู้หญิงผ่านรูปลักษณ์และวิถีชีวิต พวกเขามักหันไปขอทานหรือค้าบริการทางเพศอันเป็นผลมาจากการถูกกีดกันทางสังคม นักเคลื่อนไหวข้ามเพศหลายคนในชุมชนอินเดียปฏิเสธที่จะถูกมองว่าเป็นเพศที่สาม โดยกล่าวว่าคำนี้เป็นคำที่ใช้เรียกผู้หญิงข้ามเพศ แม้ว่าพวกเธอจะไม่ถือว่าตนเองเป็นเพศที่สามก็ตาม

นอกจากนี้ในส่วนของตำนานความเชื่อเกี่ยวกับ “ฮิจรา”  คือ “ตอนหนึ่งของรามเกียรติ์ หรือ รามายณะของฉบับอินเดียใต้ ครั้งที่พระรามถูกเนรเทศ มีกลุ่มคนออกไปส่งพระราม จนกระทั่ง 14 ปี พระรามกลับมา คนกลุ่มนั้นก็ยังยืนรออยู่ ด้วยเหตุเพราะ 14 ปีก่อน พระรามบอกเข้าเมืองแต่ด้วยคนกลุ่มนั้นไม่ใช่ทั้งชายและหญิง จึงไม่กล้ากลับเพราะไม่กล้าโกหก พระรามอวยพรให้มีสิทธิให้พรใครก็ได้ และมีสิทธิ์สาปใครก็ได้โดยคำสาปนั้นจะเป็นจริงเสมอ

ตำนานฮิจรามีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรราว 400 ปี ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความหลากหลายทางเพศที่มีมานาน แต่มักถูกลืมเลือนในวัฒนธรรมอินเดีย ต่อมาปลายศตวรรษที่ 15 มีนิทานพื้นบ้านที่เล่าเกี่ยวกับความภักดีของชาวฮิจรา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์มุสลิมของอินเดีย ทำหน้าที่เป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ไร้เพศของฮาเร็มโมกุลของจักรพรรดิโมกุลในอินเดีย

ปัจจุบันฮิจรายังไม่เป็นที่ยอมรับมากนักในสังคม จึงเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น การทำร้ายร่างกายภายในครอบครัว มักจะโดนไล่ออกจากบ้าน เพราะถูกมองว่าเป็นเพศที่น่ารังเกียจ ทำให้ฮิจราจำนวนมากเกาะกลุ่มและสร้างชุมชนฮิจรา ขึ้นมา เพื่อดูแลและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ประเทศที่มีฮิจรามากที่สุด  คือ อินเดีย ปากีสถาน และ บังกลาเทศ ตามลำดับต่อมาคริสต์ศตวรรษที่ 16 ถึง 19 ฮิจรายังถือว่ามีอำนาจทางศาสนาและได้รับการขอพร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงพิธีทางศาสนา วันสำคัญต่างๆ เช่น พิธีต้อนรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะนำโชคลาภและความอุดมสมบูรณ์สู่เด็กและครอบครัว ภายใต้วัฒนธรรมฮินดูดั้งเดิม ฮิจราได้รับความเคารพในระดับหนึ่ง แต่โดนรัฐบาลอังกฤษเข้ามาเปลี่ยนวัฒนธรรม ครั้งที่อินเดียตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 อังกฤษได้ใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการตัดสินเรื่องศีลธรรมทางเพศ โดยตัดสินว่าเพศสภาพของฮิจรานั้นขัดต่อธรรมชาติ ทำให้ผู้คนเริ่มลดการเคารพและให้เกียรติฮิจรา

ฮิจราจะนับถือพระแม่พหุชรา เป็นเทพธิดาท้องถิ่นในศาสนาฮินดู ซึ่งมีที่มาและนิยมสักการะบูชาในรัฐคุชราต และรัฐราชสถานของประเทศอินเดีย พระนางได้รับการนับถือในศาสนาฮินดูว่าเป็นเทพีผู้อุปถัมภ์คุ้มครองรักษาเหล่าฮิจรา (กะเทย) และเป็นเทพีผู้อุปถัมภ์คุ้มครองรักษากลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศของศาสนาฮินดูและศาสนาท้องถิ่นของเอเชียใต้

ทุกวันนี้ ฮิจรา รวมถึงคนข้ามเพศพบเจอได้ง่ายบนท้องถนน พวกเธอจะสวมชุดส่าหรีระยิบระยับ ใบหน้าเคลือบหนาด้วยเครื่องสำอางราคาถูก เดินโซเซตามถนนสี่แยกที่มีผู้คนพลุกพล่าน เคาะกระจกรถขอเงินจากผู้คนที่จอดรถตามไฟจราจร โดยมีความเชื่อที่อ้างมาจาก ตำนาน “รามายณะ” หรือ “รามเกียรติ์” หากผู้ใดที่ได้คำอวยพรจากฮิจรา จะมีความโชคดี ได้สิ่งที่ต้องการตามปรารถนา ทว่ามีฮิจราส่วนน้อยมากที่จะอวยพรหรือให้พรกลับ ถึงแม้จะไม่ได้รับพรจากฮิจรา ผู้คนก็ยังคงให้เงินแก่ฮิจราทุกครั้ง เพราะหากไม่ให้เงิน พวกเธอก็จะสาปแช่ง ซึ่งถือเป็นความโชคร้ายและเคราะห์แก่ผู้ที่โดนสาปแช่ง

อย่างไรก็ตาม สังคมอินเดียในปัจจุบันก็ยังไม่เปิดกว้างต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศ และระบบวรรณะยังคงฝังรากลึก จนกลายเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ฮิจราไม่สามารถขยับสถานะทางสังคมอาทิเรื่อง การศึกษา การเข้าถึงสาธารณสุข หรือประกอบอาชีพอื่นได้มากนัก ประกอบกับความเชื่อการให้โชคของฮิจรายังมีผู้คนสนับสนุนและพร้อมที่จะให้เงิน จึงยังคงพบเห็นฮิจราขอเงินอยู่ทั่วไป 

**********

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
50 VOTES (5/5 จาก 10 คน)
VOTED: o0, Minttylive, davin, goldfish13, projor007, kyogisa, famai, Freya Rune, แด๊ดดี้จอเเดน, ดร กิฟท์นางมารพยากรณ์
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ภาพรวมดวงชะตา 3 เดือนสุดท้ายปี2568ของชาว 12 ราศีจะเป็นอย่างไร
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
หนุ่มเชฟเมืองคอน เจ็บป่วยถูก รพ.กัมพูชาปฏิเสธรักษา ตกระกำลำบากนอนข้างทาง ญาติร่ำไห้ เชื่อลูกชายถูกหลอกชาวบ้านพบหอยทากสายพันธุ์หายากที่ใกล้สูญพันธุ์แล้วทลายของปลอม ย่านเยาวราช กว่า 50 ล้านบาท
“ดอลลัทเดีย” (Daulatdia) : ซ่องโสเภณีที่ใหญ่ที่สุดในโลก"ปอปหยิบ"อัตลักษณ์ผีปอปไทยผ่านภาพยนตร์บ้านผีปอป"นางกวัก"วัฒนธรรมความเชื่อเเห่งโชคลาภและความร่ำรวยเคล็ดลับการเสริมเสน่ห์จากการอาบน้ำเพ็ญในวันจันทร์ซ้อนจันทร์
ตั้งกระทู้ใหม่