"เจมี่" สั่งเสียก่อนตาย หลังพบก้อนเนื้อในหน้าอก ขอธีมงานศพสีชมพู
“เจมี่ บูเฮอร์” เปิดใจไม่ใช่ผู้วิเศษ! เผยนาทีสั่งเสียก่อนตาย หลังพบก้อนเนื้อในหน้าอก ขอธีมงานศพสีชมพู
กลายเป็นประเด็นที่ทำให้โลกออนไลน์สะเทือนอีกครั้ง สำหรับ “เจมี่ บูเฮอร์” อดีตนักแสดงชื่อดัง ที่ปัจจุบันผันตัวเป็น “แม่หมอเจมี่” ไลฟ์สดให้คำปรึกษาและดูดวงใน TikTok จนมีแฟนคลับติดตามเป็นจำนวนมาก ล่าสุดเจ้าตัวออกมาเปิดใจอย่างตรงไปตรงมา ว่า “ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ” พร้อมเผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจ หลังพบก้อนเนื้อบริเวณหน้าอก จนถึงขั้น “สั่งเสียไว้ก่อนตาย” ขอให้ธีมงานศพเป็น “สีชมพู”
เจมี่เล่าถึงจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ว่า วันหนึ่งเธอคลำหน้าอกแล้วพบว่าทั้งสองข้างไม่เหมือนกัน
“ตอนแรกคิดว่าคงไม่เป็นอะไร แต่พอคลำดูดี ๆ ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ เลยไปหาหมอ ตอนคุณหมอบอกว่าก้อนเนื้อมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 เซนฯ ตอนนั้นคิดเลยว่า ‘นี่มันมะเร็งแน่ ๆ’ ช่วง 4 วันที่รอผลซีทีสแกน เราดิ่งสุดในชีวิต ถึงขั้นสั่งเสียกับญาติว่า ถ้าเป็นอะไรไป ขอให้จัดงานศพธีมสีชมพู ห้ามใส่ชุดดำ อยากให้มีกลองยาว มีความสุข ไม่ใช่งานเศร้า”
แต่สุดท้ายผลตรวจออกมาไม่ใช่มะเร็ง — เป็น “ซิลิโคนรั่ว”!
“หมอบอกว่าซิลิโคนเริ่มรั่วมาประมาณ 4–5 ปีแล้ว รั่วทีละนิดจนเกิดพังผืด ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องผ่าตัดออกทันทีเพราะอันตรายมาก”
เมื่อผ่านเหตุการณ์ระทึกมาได้ เจมี่เลยขอ “ให้รางวัลชีวิต” ด้วยการผ่าตัดใหญ่เปลี่ยนหน้าอก พร้อมดูดไขมันและทำมินิเฟซลิฟต์
“เสียขวัญแล้วก็ต้องชดเชยให้ตัวเองนิดนึง พอทำแล้วรู้สึกมั่นใจขึ้น รู้สึกว่าสวยขึ้นจริง ๆ”
พูดถึงจุดเริ่มต้นในวงการบันเทิง เจมี่เผยว่าเธอฝันจะเป็นดารามาตั้งแต่เด็ก
“ตั้งแต่จำความได้ ฉันอธิษฐานทุกครั้งเวลาไหว้พระ ขอให้ได้เป็นดารา ตอนอายุ 12 ไปเจอโมเดลลิ่งที่สยาม ได้เริ่มจากโฆษณา จนมาเล่นละครกับกันตนา”
ผลงานแจ้งเกิดของเธอคือ “เงาอโศก” ที่เรตติ้งติดอันดับ 6 ของประเทศในยุคนั้น
“คนยังจำเสียงกรี๊ดของเราจากเรื่องนี้ได้ แต่จริง ๆ มันเป็นบทร้ายลึกที่ต้องใช้พลังมาก”
แม้จะโด่งดังสุดขีด แต่เธอเลือกเล่นละครทีละเรื่องเท่านั้น เพราะต้องโฟกัสเต็มร้อยในทุกบทบาท
“ยุคนั้นไม่มีโซเชียล ต้องพิสูจน์ด้วยผลงานจริง ถ้าเรื่องนี้เล่นไม่ดี เรื่องหน้าก็ไม่ได้เล่น”
สุดท้าย หลังถ่ายละครเรื่อง “ปริศนา” เจมี่ตัดสินใจลาออกจากวงการบันเทิง
“ตอนนั้นอายุ 18 รู้สึกอิ่มตัว อยากมีชีวิตปกติ เลยไปขายไก่ทอดกับเพื่อน เพราะอยากใช้ชีวิตเรียบง่าย ได้อยู่กับตัวเอง และไปทำบุญบ่อย ๆ”
ต่อมาเธอเริ่มศึกษาศาสตร์ดูดวงและไพ่ยิปซีตั้งแต่อายุ 14 ก่อนจะพัฒนาเป็นอาชีพจริงจังในวัย 25–26 ปี
“ตอนนั้นไปดูให้คนไทยในต่างประเทศ ค่าดูไม่ถึงพันบาท แต่เก็บได้เป็นแสนภายในสองอาทิตย์ เราไม่ใช่ผู้วิเศษอะไรนะ แค่เป็นสะพานบุญให้คนอื่น ฝากเงินมาก็บริจาคต่อให้คนที่เดือดร้อน”
แม้วันนี้จะมีบทบาทใหม่ในฐานะ “แม่หมอเจมี่” แต่เธอยังย้ำว่าอยากให้คนมองเธอเหมือนเดิม
“เจมี่ไม่ใช่ผู้วิเศษค่ะ เรียกไอ้ เรียกอี ได้เหมือนเดิมเลย (หัวเราะ)”
และเมื่อพูดถึงเรื่องลี้ลับ เจมี่ยอมรับว่าเธอเคยมีประสบการณ์ “เห็นผี” ครั้งแรกตั้งแต่อายุ 12 ปี ระหว่างไปซัมเมอร์ที่อังกฤษ
“ตอนเดินผ่านสุสาน เรารู้สึกเหมือนถูกกระชากเข้าอีกมิติ เห็นผู้หญิงสองคนอยู่ข้างหลัง เหงื่อไหลเต็มตัว ทั้งที่อากาศเย็น”
เรื่องราวชีวิตของเจมี่ บูเฮอร์ สะท้อนภาพหญิงแกร่งที่ผ่านทั้งความรุ่งเรือง ความกลัว ความสูญเสีย และการเริ่มต้นใหม่ในเส้นทางที่เธอเลือกเอง — ด้วยหัวใจที่ยังเชื่อในพลังแห่งความดี และความหวังในทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง.















