หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

นโยบายโภชนาการไทยทศวรรษ 2480 การสร้างชาติผ่านสุขภาพพลเมือง

โพสท์โดย Thai Weapon Channel

นโยบายโภชนาการไทยทศวรรษ 2480 การสร้างชาติผ่านสุขภาพพลเมือง

1. เมื่อ "โภชนาการ" กลายเป็นวาระแห่งชาติ

ในประวัติศาสตร์การสาธารณสุขของไทย ทศวรรษ 2480 ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญอย่างยิ่ง เมื่อภาครัฐเริ่มเล็งเห็นถึงความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ "โภชนาการ" และยกระดับให้กลายเป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลในยุคสมัยนั้นไม่ได้มองว่าอาหารเป็นเพียงปัจจัยในการดำรงชีวิตอีกต่อไป แต่คือเครื่องมืออันทรงพลังในการสร้างพลเมืองที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งถือเป็นรากฐานที่ขาดไม่ได้ของการพัฒนาและความมั่นคงของประเทศ บทความนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์หลักคิดเบื้องหลังนโยบายการส่งเสริมการบริโภคโปรตีนและวิตามินในทศวรรษดังกล่าว พร้อมทั้งสังเคราะห์ภาพวิสัยทัศน์ของรัฐต่อสุขภาพของประชาชน เพื่อทำความเข้าใจถึงความพยายามในการวางรากฐานด้านสาธารณสุขเชิงรุกของไทยในอดีต การจะเข้าใจถึงที่มาของนโยบายเหล่านี้ จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการสำรวจปรัชญาพื้นฐานที่ขับเคลื่อนการดำเนินงานของรัฐในยุคนั้น

2. รากฐานทางความคิด: อาหารในฐานะพื้นฐานของสุขภาพและความมั่นคงของชาติ

แนวคิดที่ว่าสุขภาพของปัจเจกบุคคลมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับความแข็งแกร่งของประเทศชาติ คือแก่นสำคัญที่ผลักดันให้ประเด็นด้านอาหารและสุขภาพกลายเป็นนโยบายระดับสูง ในมุมมองของรัฐบาลยุค 2480 พลเมืองที่เจ็บป่วยง่ายย่อมเป็นภาระและบั่นทอนศักยภาพของชาติ ในทางกลับกัน พลเมืองที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงคือสินทรัพย์อันประเมินค่ามิได้ ทั้งในฐานะกำลังแรงงานและกำลังป้องกันประเทศ ปรัชญาดังกล่าวสะท้อนออกมาอย่างชัดเจนในคำนำของหนังสือ “อาหารของเรา” ซึ่งจัดพิมพ์โดยกรมสาธารณสุขในยุคนั้น ที่ระบุไว้ว่า:

“อาหารเป็นพื้นฐานของสุขภาพ...ความเจ็บไข้ได้ป่วยจะลดน้อยลงได้ไม่เจ็บง่ายตายง่ายและร่างกายก็จะสมบูรณ์แข็งแรง สามารถทำประโยชน์ได้เอนกประการทั้งแก่ตนเองและประเทศชาติ โดยฉะเพาะอย่างยิ่งจะทำให้เบาแรงและประหยัดเงินในการดำเนินงานสาธารณสุขของประเทศเป็นอันมาก”

จากข้อความข้างต้น สามารถวิเคราะห์นัยเชิงนโยบายที่รัฐมุ่งหวังได้ 3 ประการหลัก คือ:

1. การลดอัตราการเจ็บป่วยของประชาชน: เป้าหมายพื้นฐานที่สุดคือการยกระดับสุขภาพของคนในชาติ เพื่อลดความทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บ

2. การสร้างพลเมืองให้มีร่างกายแข็งแรง: รัฐมองว่าพลเมืองที่แข็งแรงคือฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศและสร้างประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม

3. การลดภาระและประหยัดงบประมาณด้านสาธารณสุข: การลงทุนในเชิงป้องกันผ่านโภชนาการที่ถูกต้อง ถือเป็นมาตรการที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ

ปรัชญาอันหนักแน่นนี้เองที่ได้กลายเป็นพิมพ์เขียวชี้นำการดำเนินนโยบายในทางปฏิบัติ โดยรัฐได้แปลงหลักการภาพใหญ่ไปสู่ยุทธศาสตร์ที่จับต้องได้ นั่นคือการรณรงค์ส่งเสริมสารอาหารที่จำเป็นอย่างโปรตีนและวิตามินอย่างจริงจัง

3. ยุทธศาสตร์ทางโภชนาการ: การขับเคลื่อนนโยบายผ่านโปรตีนและวิตามิน

จากหลักการสร้างชาติผ่านสุขภาพพลเมือง ภาครัฐได้แปลงนโยบายสู่การปฏิบัติโดยมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาการขาดสารอาหารที่สำคัญสองกลุ่ม ได้แก่ โปรตีนและวิตามิน ซึ่งถือเป็นปัญหาเร่งด่วนในขณะนั้น โดยมีกลยุทธ์ที่แตกต่างกันไปตามบริบททางเศรษฐกิจและสังคม

 

 3.1 ยุทธศาสตร์โปรตีน: "ถั่วเหลือง" ทางออกสำหรับประชาชนในชนบท

หนึ่งในความท้าทายหลักของนโยบายโภชนาการในยุคนั้นคือความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ รัฐตระหนักดีว่าประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีรายได้น้อยในชนบท ประสบปัญหาขาดโปรตีน แต่การรณรงค์ให้บริโภคเนื้อสัตว์ ไข่ หรือนมนั้นไม่สามารถเป็นไปได้จริงในวงกว้าง เนื่องจากมีราคาสูงเกินกว่าที่คนส่วนใหญ่จะเข้าถึงได้ ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงเลือกส่งเสริม "ถั่วเหลือง" ขึ้นมาเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูงและราคาที่เข้าถึงได้ ดังที่มีการระบุไว้ว่า

“สำหรับถั่วเหลืองมีปริมาณของโปรตีนส์สูงและดี ที่ประชุมเห็นควรส่งเสริมให้ราษฎรได้กินถั่วเหลืองเป็นอาหารให้มากขึ้น”

เพื่อให้ประชาชนยอมรับและนำถั่วเหลืองไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ภาครัฐได้นำเสนอวิธีการบริโภคที่หลากหลาย โดยเน้นการแปรรูปให้เข้ากับวัฒนธรรมการกินของคนไทยที่คุ้นเคยอยู่แล้ว ดังนี้

• อาหารคาว: ส่งเสริมการนำถั่วเหลืองไปเป็นส่วนประกอบในเมนูต่างๆ เช่น น้ำพริกเผาผสมถั่วเหลือง หรือใช้ผสมในแกงเผ็ดและแกงจืด

• อาหารหวานและเครื่องดื่ม: สนับสนุนการดัดแปลงถั่วเหลืองเป็นขนมหวานหลากชนิด เช่น ขนมหม้อแกงถั่ว, ขนมกง, ถั่วเหลืองต้มน้ำตาลชนิดมีกะทิ, ขนมไข่เ...้ย, และไอศกรีม รวมทั้งเน้นการส่งเสริมการบริโภคน้ำนมถั่วเหลือง หรือ "น้ำเต้าหู้"

3.2 ยุทธศาสตร์วิตามิน: การต่อสู้กับโรคขาดสารอาหาร

นอกเหนือจากโปรตีนแล้ว การขาดวิตามินยังเป็นสาเหตุสำคัญของโรคภัยไข้เจ็บที่แพร่หลายในอดีต เช่น โรคเหน็บชาและโรคลักปิดลักเปิด รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการบริโภควิตามินในฐานะมาตรการป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพ โดยได้รณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับวิตามินชนิดต่างๆ และประโยชน์ที่จำเป็นต่อร่างกาย

วิตามิน

ประโยชน์และการป้องกันโรค

วิตามินบี

แก้โรคเหน็บชา

น้ำมันตับปลา

ถูกส่งเสริมในฐานะอาหารที่มีส่วนผสมของวิตามินบี

วิตามินเอ

บำรุงสายตา และป้องกันอาการตาฟางหรือตาบอดกลางคืน

วิตามินซี

ป้องกันโรคลักปิดลักเปิด (พบมากในผลไม้)

กลยุทธ์การสื่อสารของภาครัฐในเรื่องนี้เป็นแนวทางแบบผสมผสานเพื่อให้ความรู้เข้าถึงประชาชนในวงกว้าง โดยมีการจัดพิมพ์หนังสือเผยแพร่คุณค่าของวิตามินโดยกรมวิทยาศาสตร์ ซึ่งในตำราได้นำเสนอความก้าวหน้าของคนไทยในการสกัดวิตามินบีจากรำข้าวเพื่อใช้ป้องกันโรคเหน็บชาโดยเฉพาะ ควบคู่ไปกับการลงประกาศโฆษณาประโยชน์ของยาวิตามินชนิดต่างๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์ซึ่งเป็นสื่อมวลชนที่มีอิทธิพลสูงในยุคนั้น

ยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนทั้งในด้านโปรตีนและวิตามินนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของรัฐในการแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชาชนอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกับบริบทของสังคมไทยในขณะนั้น

4. บทสรุป: มรดกทางความคิดและวิสัยทัศน์สาธารณสุขเชิงรุก

โดยสรุป นโยบายส่งเสริมโภชนาการในทศวรรษ 2480 ถือเป็นภาพสะท้อนของวิสัยทัศน์สาธารณสุขเชิงรุกที่มองการณ์ไกล นโยบายเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเลื่อนลอย แต่ตั้งอยู่บนรากฐานทางความคิดที่ชัดเจนว่าสุขภาพที่ดีของพลเมืองคือความมั่นคงของชาติ รัฐบาลในยุคนั้นได้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในปัญหาอย่างลึกซึ้ง ผ่านการเลือกใช้ "ถั่วเหลือง" เป็นโปรตีนทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ที่ตอบโจทย์ด้านเศรษฐกิจและสังคม ควบคู่ไปกับการรณรงค์ให้ความรู้เรื่อง "วิตามิน" เพื่อป้องกันโรคขาดสารอาหารอย่างเป็นรูปธรรม

มรดกที่สำคัญที่สุดของนโยบายเหล่านี้ คือการวางรากฐานให้แนวคิดเรื่อง "โภชนาการ" และ "วิตามิน" กลายเป็นองค์ความรู้ที่สังคมไทยคุ้นเคยและให้ความสำคัญสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน 

โพสท์โดย: กับข้าวกับปลา
อ้างอิงจาก: หนังสือ/บทความทางวิชาการจากงานวิทยานิพนธ์ (Book/Academic Article)
ชื่องาน: ปฏิวัติที่ปลายลิ้น ปรับแต่งรสชาติอาหารการกินในสังคมไทยหลัง 2475, บทความชุด (Series of Articles) ชื่องาน: 'กิน' สร้างชาติ : การส่งเสริมโภชนาการสมัยจอมพล ป. (1) และ (2)
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Thai Weapon Channel's profile


โพสท์โดย: Thai Weapon Channel
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: แสร์
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
รีวิวหนังดัง LONE SURVIVOR ปฏิบัติการพิฆาตสมรภูมิเดือดแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่! ไทยผงาดนำจ่าฝูงตารางเหรียญซีเกมส์ ครั้งที่ 33 กวาดไปแล้ว 12 เหรียญทองกองทัพไทยรบ 7 จังหวัด ตอบโต้กัมพูชา หลังระดมยิง BM-21 ถล่มโรงพยาบาลและฐาน ตชด. เสียหายหนักหนุ่มจีนบินโดรนอยู่ดีๆ เจอร่างชายติดอยู่ในถ้าบนหน้าผา"วี วีโอเล็ต" ชี้แจงเรื่องร้องเพลงเสียงเพี้ยนบนพิธีเปิดซีเกมส์เปิดนาทีถล่ม "ทาวเวอร์เครน" บนเขาพระวิหาร กองทัพไทยย้ำจำเป็นต้องทำลาย หลังถูกใช้เป็นฐานโจมตีและก่อกวนสัญญาณอันวาร์ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกไทยและเขมรแล้วตำรวจพนมเปญจับกุมชาวไทย 75 คน ฐานพัวพันขบวนการฉ้อโกงออนไลน์ความสำเร็จของแต่ละคน…มันมีจังหวะของมันป๊อกกี้ญี่ปุ่นเรียกคืนขนม หลังผู้บริโภคพบว่ารสชาติแปลกเกินไปสุดยอดไรเดอร์จีนทำงานมา 5 ปี เก็บเงินได้ 5 ล้านบาททหารปากีสถาน 6 นาย เสียชีวิตจากการโจมตี ของกลุ่มก่อความไม่สงบ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เที่ยวภูกระดึงหน้าฝนเป็นไงบ้าง?แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่! ไทยผงาดนำจ่าฝูงตารางเหรียญซีเกมส์ ครั้งที่ 33 กวาดไปแล้ว 12 เหรียญทองตำรวจพนมเปญจับกุมชาวไทย 75 คน ฐานพัวพันขบวนการฉ้อโกงออนไลน์รีวิวหนังดัง LONE SURVIVOR ปฏิบัติการพิฆาตสมรภูมิเดือด"วี วีโอเล็ต" ชี้แจงเรื่องร้องเพลงเสียงเพี้ยนบนพิธีเปิดซีเกมส์
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
6 ปลาตลาดที่มีโอเมก้า 3 สูง ช่วยเสริมความฉลาด ไม่ต้องซื้อของแพงจากต่างประเทศจาก "ผักเลี้ยงหมู" สู่ "ไม้กวาดล้างหลอดเลือด" ผู้เชี่ยวชาญชี้ 7 ประโยชน์ของใบมันเทศที่ดีและคุ้มค่าผักดอง ผักกระป๋อง ของรักสายเฮลตี้ ที่ทำไตพังแบบเงียบๆ10 อันดับ บุคคลฉาว-ช็อก! ที่คนไทยค้นหามากที่สุดประจำปี 2568
ตั้งกระทู้ใหม่