เจ้าสำนักข่าวดังพลาด! คอสเพลย์สุดแซ่บเดินกลางโตเกียว ถูกตำรวจรวบทันที
“เฮนไตคาเมน” กลับมาทำวงการสั่นสะเทือน! ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ดังญี่ปุ่นแต่งจีสตริงเดินกลางย่าน LGBTQ ชินจูกุ ก่อนถูกตำรวจควบคุมตัว
เหตุการณ์สุดพีคนี้เกิดขึ้นกลางกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น — ดินแดนที่ได้ชื่อว่ามีเสรีภาพทางวัฒนธรรมสูง แต่ในบางครั้งเสรีภาพนั้นก็เดินอยู่บนเส้นบาง ๆ ระหว่าง “ความกล้า” และ “กฎหมาย”
เมื่อชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ข่าวชื่อดังของญี่ปุ่น ตัดสินใจแต่งคอสเพลย์เป็นตัวละครในตำนาน “เฮนไตคาเมน (Hentai Kamen)” แล้วเดินกลางย่าน นิชิโจเมะ (Ni-chome) — ศูนย์กลางชุมชน LGBTQ ที่เสรีและมีสีสันที่สุดของโตเกียว
แต่เพียงไม่นาน “โชว์ความกล้า” ของเขาก็จบลงในแบบที่ไม่มีใครคาดคิด — เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาควบคุมตัวถึงกลางถนน!
👮 จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ — จากคอนเทนต์แนวแหวกสู่สถานีตำรวจ
ตามรายงานจากสื่อท้องถิ่น เหตุการณ์นี้ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 8 ปีก่อน
ชายผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ชื่อดังของญี่ปุ่นรายหนึ่ง และลูกน้องของเขา ตัดสินใจสร้าง “คอนเทนต์ทดลอง” เพื่อท้าทายความกล้าของสังคมญี่ปุ่น
โดยเขาเลือกแต่งกายเป็น เฮนไตคาเมน (Hentai Kamen) — ตัวละครฮีโร่สายพิเรนทร์จากมังงะในยุค 90 ที่มีเอกลักษณ์คือ “สวมหน้ากากกางเกงในผู้หญิง” และต่อสู้ด้วยลีลายั่วยวนแบบตลก ๆ
ในคอนเซ็ปต์ของตัวละคร เฮนไตคาเมนคือชายหนุ่มธรรมดาที่มีพลังเหนือมนุษย์เมื่อต้องสวมกางเกงในผู้หญิงบนใบหน้า ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของ “ความกล้าสุดโต่งในแบบญี่ปุ่น” — ฮีโร่ผู้ไม่กลัวการถูกหัวเราะเยาะ
และนั่นเองคือสิ่งที่ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์รายนี้อยากจะสื่อ... ว่า “การเป็นสื่ออิสระต้องกล้า”
ดังนั้น เขาจึงสวมเพียงหน้ากากแบบเฮนไตคาเมน และ จีสตริงหนึ่งตัว พร้อมเทปปิดเฉพาะจุด ก่อนจะเดินกลางย่าน LGBTQ ที่เต็มไปด้วยผู้คน นักท่องเที่ยว และบาร์สีรุ้งในค่ำคืนนั้น
🌈 ชินจูกุ นิชิโจเมะ — พื้นที่แห่งเสรีภาพ ที่ครั้งนี้กลายเป็นเวทีท้าทายกฎหมาย
“Shinjuku Ni-chome” หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันสั้น ๆ ว่า “นิชิโจเมะ” คือย่านที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ศูนย์กลางความหลากหลายทางเพศของญี่ปุ่น
เต็มไปด้วยบาร์เกย์ คาเฟ่เลสเบี้ยน คลับแดร็กโชว์ และร้านอาหารธีมความรักแบบเปิดเผย
ที่นี่คือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคนหลากหลายเพศ และเป็นสัญลักษณ์ของความเปิดกว้างทางสังคมในโตเกียว
ทว่าความเปิดกว้างนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า “จะทำอะไรก็ได้” เพราะแม้ในย่านเสรีที่สุดของญี่ปุ่น กฎหมายว่าด้วยการอนาจารในที่สาธารณะ ยังคงมีผลบังคับใช้อย่างเข้มงวด
โดยเฉพาะการเปิดเผยเรือนร่างหรือแต่งกายล่อแหลมในพื้นที่สาธารณะ อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายได้ในทันที
😱 “เมื่อฮีโร่ผิดเวลา” — นาทีที่ตำรวจเข้าจับกุม
ในค่ำคืนนั้น มีผู้คนจำนวนมากอยู่ในย่านดังกล่าว
บางส่วนเห็นชายสวมจีสตริงพร้อมหน้ากากเฮนไตคาเมนเดินอยู่กลางถนนอย่างไม่สะทกสะท้าน หลายคนหัวเราะ บ้างถ่ายวิดีโอเก็บไว้
แต่ไม่นานหลังจากที่เขาเดินไปใกล้ ป้อมตำรวจชินจูกุ เจ้าหน้าที่ก็รีบเดินเข้ามาตรวจสอบทันที
“เขาแต่งกายแบบเปิดเผยมากเกินไป และอยู่ในพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่าน” เจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งให้ข้อมูลในภายหลัง
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวเขาและลูกน้องเข้าไปในป้อมเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า “ตอนแรกทุกคนคิดว่าเป็นการถ่ายหนัง หรือโปรโมตงานอีเวนต์อะไรสักอย่าง แต่พอเห็นตำรวจเข้ามา ก็รู้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เล่น ๆ”
🧍♂️ การสอบสวนในป้อมตำรวจ — จากความกล้า สู่ความงงงวย
ระหว่างการสอบสวน มีเหตุการณ์ชวนอึ้งเกิดขึ้นมากมาย
หนึ่งในนักข่าวของเว็บไซต์ดังกล่าวเล่าว่า ขณะนั้นเขาได้รับโทรศัพท์กลางวันจากเพื่อนร่วมงานว่า
“รีบนำเสื้อผ้ามาที่ป้อมตำรวจด่วน!”
เมื่อเขาไปถึง พบว่าภายในป้อมมีเพื่อนร่วมงานและเจ้านาย (ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์) กำลังนั่งอยู่ในสภาพครึ่งเปลือย
“ผมไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ตอนเห็นเขานั่งอยู่กับตำรวจในสภาพนั้น มันเหมือนภาพหลุดจากหนังตลกญี่ปุ่นเลย” เขากล่าว
แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจที่สุดคือ
เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามชื่อและตำแหน่งเพื่อรายงานต่อผู้บังคับบัญชา
ชายคนนั้นตอบกลับอย่างภาคภูมิว่า
“ผมนี่แหละคือเจ้านาย”
คำตอบนั้นทำให้เจ้าหน้าที่ถึงกับชะงัก และต้องตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด
เพราะไม่คิดว่าคนในตำแหน่งระดับ “ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ข่าวใหญ่” จะมาทำคอนเทนต์ในรูปแบบนี้ด้วยตนเองจริง ๆ
🗣️ คำชี้แจงหลังเหตุการณ์: “ผมไม่คิดว่าผมทำผิด”
ภายหลังจากที่ได้รับการปล่อยตัวโดยไม่ถูกตั้งข้อหา
นักข่าวในสำนักเดียวกันได้ถามเจ้านายถึงเหตุผลที่ตัดสินใจทำแบบนั้น
เขาตอบอย่างเรียบง่ายว่า
“ตอนนั้นผมคิดว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ผมปิดส่วนสำคัญไว้หมดแล้ว และไม่ได้ตั้งใจลามก ผมแค่ต้องการทดสอบขอบเขตของสังคม”
คำตอบนี้กลายเป็นประเด็นถกเถียงในโลกออนไลน์ญี่ปุ่น
หลายคนมองว่าเป็น “การแสดงออกเชิงศิลปะ” ที่ต้องการท้าทายกรอบสังคม
แต่หลายคนก็มองว่าเป็น “พฤติกรรมไม่เหมาะสม” โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นในพื้นที่สาธารณะซึ่งมีทั้งเด็กและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
💬 เสียงสะท้อนจากชาวญี่ปุ่น: “เสรีภาพกับความรับผิดชอบต้องเดินคู่กัน”
หลังจากคลิปเหตุการณ์ถูกเผยแพร่บนโซเชียลมีเดียของญี่ปุ่น
ชาวเน็ตต่างออกมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างดุเดือด
บางคอมเมนต์กล่าวว่า
“เฮนไตคาเมนคือสัญลักษณ์ของอารมณ์ขันแบบญี่ปุ่น แต่ก็ต้องมีขอบเขตด้วย”
อีกคนหนึ่งเขียนว่า
“เขามีสิทธิ์จะแสดงออก แต่ไม่ใช่สิทธิ์ที่จะทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ปลอดภัย”
ในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้สนับสนุนเสรีภาพทางศิลปะกลับมองต่างออกไป
พวกเขาเห็นว่า “การทดลองเช่นนี้เป็นการสะท้อนภาพของญี่ปุ่นที่ยังคงตีกรอบความคิดเรื่องร่างกายและเพศอย่างเข้มงวด”
ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของศิลปินญี่ปุ่นหลายคนในช่วงหลัง ที่เริ่มใช้ “ร่างกาย” เป็นเครื่องมือในการตั้งคำถามต่อสังคม
📜 บทเรียนจาก “จีสตริงกลางเมือง” — เมื่อศิลปะปะทะกฎหมาย
ท้ายที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตัดสินใจ ปล่อยตัวทั้งสองโดยไม่ดำเนินคดี
แต่ได้ให้คำเตือนว่า “หากมีการกระทำลักษณะเดียวกันในพื้นที่สาธารณะอีก อาจมีโทษทางกฎหมาย”
แม้เรื่องจะจบลงโดยไม่มีผู้ใดถูกจับกุม แต่เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็น “บทเรียนราคาแพง” ให้ทั้งวงการสื่อและศิลปินในญี่ปุ่น
เพราะมันชี้ให้เห็นถึงเส้นแบ่งบาง ๆ ระหว่าง “การแสดงออกเชิงศิลปะ” กับ “การกระทำที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมสาธารณะ”
🧩 เฮนไตคาเมน: ฮีโร่พันธุ์พิเรนทร์ กับความหมายเชิงสัญลักษณ์
เพื่อเข้าใจเหตุการณ์นี้อย่างถ่องแท้ ต้องย้อนกลับไปที่ต้นกำเนิดของ “Hentai Kamen”
ตัวละครนี้ถือกำเนิดขึ้นจากมังงะของ Keishū Ando ในช่วงปี 1990s
เป็นเรื่องราวของนักเรียนมัธยมชายที่บังเอิญได้พลังพิเศษเมื่อสวมกางเกงในผู้หญิงไว้บนหัว
แม้เนื้อเรื่องจะดูตลก แต่ในเชิงสัญลักษณ์ เฮนไตคาเมนคือการเสียดสีวัฒนธรรม “ความสมบูรณ์แบบของฮีโร่ญี่ปุ่น”
และตั้งคำถามว่า “ทำไมฮีโร่ต้องดูดีเสมอ?”
ตัวละครนี้กลายเป็นที่จดจำของคนญี่ปุ่นหลายรุ่น และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี 2013 และ 2016
ซึ่งทั้งสองภาคได้รับเสียงชื่นชมในฐานะ “คอมเมดี้เสียดสีขอบเขตของศีลธรรม”
ดังนั้น การที่ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์เลือกคอสเพลย์เป็นเฮนไตคาเมนจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แต่น่าจะเป็น “แถลงการณ์เงียบ” ว่า
“แม้ในสังคมที่เปิดกว้างที่สุด เสรีภาพก็ยังมีเส้นแบ่งบาง ๆ ที่เราต้องกล้าก้าวข้าม — แต่ก็ต้องพร้อมรับผลของมัน”
🔍 มุมมองทางสังคม: ญี่ปุ่นกับการต่อสู้ระหว่าง “ความกล้า” และ “ความเหมาะสม”
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีความขัดแย้งในเรื่องนี้อย่างชัดเจน
ในอีกด้านหนึ่ง ญี่ปุ่นคือประเทศที่ให้คุณค่ากับความสุภาพ ความเป็นระเบียบ และความเคารพต่อส่วนรวม
แต่อีกด้านหนึ่ง ก็เป็นประเทศที่ให้เสรีภาพกับ “การแสดงออกเชิงศิลปะ” สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นมังงะ อนิเมะ หรือแฟชั่นใต้ดินอย่างฮาราจูกุ
เหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของ “ความขัดแย้งในสังคมญี่ปุ่นยุคใหม่”
ที่ผู้คนต้องต่อสู้ระหว่างการเป็น “คนกล้า” กับการเป็น “คนที่เหมาะสม”
🧠 สรุป: เมื่อความกล้ากับความรับผิดชอบต้องอยู่ในร่างเดียวกัน
เรื่องราวของ “ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ญี่ปุ่นในชุดเฮนไตคาเมน”
อาจฟังดูตลกในตอนแรก แต่แท้จริงแล้วมันสะท้อนคำถามลึกซึ้งเกี่ยวกับเสรีภาพส่วนบุคคล ศิลปะ และศีลธรรมของสังคมยุคใหม่
เพราะในขณะที่โลกเปิดกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ต่อความแตกต่าง
เราก็ยังต้องหาจุดสมดุลระหว่าง “การกล้าแสดงออก” และ “การเคารพผู้อื่น” อยู่ดี
ท้ายที่สุด เหตุการณ์จีสตริงกลางชินจูกุครั้งนั้นจบลงโดยไม่มีใครบาดเจ็บ
แต่กลับกลายเป็นเรื่องเล่าที่คนญี่ปุ่นยังพูดถึงจนถึงทุกวันนี้ —
ไม่ใช่เพราะความโป๊เปลือย
แต่เพราะมันเตือนให้เรารู้ว่า “เสรีภาพ”ไม่ได้จบแค่การกล้าหากแต่ต้องมาพร้อม “ความรับผิดชอบ” เสมอ















