สาวจีนติด HIV เพราะทำฟัน
เรื่องราวที่กำลังเป็นไวรัลในตอนนี้ คือ เรื่องราวของสาวชาวจีน วัย 27 ปี เรียนดีคนหนึ่ง ที่เกิดและโตมายังไม่เคยมีแฟนและเซ็กส์มาก่อน เธอได้กลายเป็นผู้ติดเชื้อ HIV เพียงเพราะไปทำฟันมาเท่านั้นเอง...
โดยก่อนหน้านี้ เธอไปทำฟันมา แล้วหลังจากนั้นเธอก็ได้รับโทรศัพท์ จากศูนย์ควบคุมโรค โดยพวกเขาแจ้งผลตรวจสุขภาพครั้งล่าสุดของเธอว่า "คุณติดเชื้อ HIV" ซึ่งเธอก็บอกกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมโรคทันทีว่า "ต้องมีการเข้าใจผิดแน่ๆ ฉันไม่มีโอกาสติดเชื้อ" เจ้าหน้าที่แนะนำให้เธอไปโรงพยาบาล เพื่อทำการตรวจเพิ่มเติม ซึ่งเมื่อเธอไปตรวจที่โรงพยาบาล พวกเขาก็ยืนยันว่าเธอติดเชื้อ HIV จริงๆ
ซึ่งนั่นได้ทำให้ชีวิตของเธอพังทลายทันที ซึ่งเธอตกอยู่ในภาวะวิตกกังวล จนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เธอบอกกับแพทย์ว่า "ฉันดูแลตัวเองมาอย่างดี ทั้งดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลเป็นพิเศษ ไม่เคยทำกิจกรรมใดๆ ที่อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV ไม่เคยบริจาคเลือดสักครั้ง และ ตลอด 27 ปีที่ผ่านมายังโสดและไม่เคยมีเซ็กส์มาก่อน..."
เมื่อแพทย์ถามว่า "คุณเคยทำศัลยกรรมเสริมความงามหรือไม่?" เธอก็ตอบทันทีว่าไม่เคย แม้แต่การสักคิ้วก็ไม่เคย" แล้วแพทย์ก็ถามต่อว่า "เคยไปทำฟันในคลีนิกไหม?" ซึ่งเธอก็ตอบว่า "ฉันไปที่คลินิกเอกชนแถวบ้าน เพราะมันสะดวกและใช้เวลาน้อยกว่าโรงพยาบาล" ดังนั้น แพทย์ก็คาดว่า "คุณน่าจะติด HIV จากการทำฟัน ซึ่งคาดว่าเครื่องมือทำฟัน น่าจะหลงเหลือเลือดของผู้ป่วยคนก่อน ซึ่งน่าจะเป็น HIV และ ทางคลีนิคทำความสะอาดไม่ได้ จึงทำให้คุณติด HIV นั่นเอง"
อ้างอิง : kbizoom

















