หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ดราม่าไม่แผ่ว! ‘Boots’ ซีรีส์ทหารเกย์ Netflix ยิ่งโดนด่ายิ่งดัง พุ่งทะยานติดชาร์ตโลก หลังโดนเพนตากอนจวกแรง

เนื้อหาโดย bbb1236555

🌈 จาก “ขยะ Woke” สู่ชาร์ตฮิต! Netflix ซีรีส์ Boots โดนเพนตากอนถล่มยับ แต่กลับดังทะลุโซเชียล อ่านคำตอบจากผู้สร้าง “เราไม่ได้ขายอุดมการณ์ แค่ตั้งคำถามถึงศักดิ์ศรีของมนุษย์”

กลายเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่สะท้อนแรงปะทะระหว่าง “ศิลปะ-การเมือง-อัตลักษณ์ทางเพศ” ได้อย่างดุเดือดที่สุดในปี 2025 สำหรับซีรีส์แนวดราม่ากองทัพเรื่องใหม่ของ Netflix อย่าง “Boots” — ผลงานที่ว่าด้วยชีวิตของชายหนุ่ม LGBTQ+ ในยุคที่กองทัพสหรัฐฯ ยังไม่ยอมรับเพศทางเลือก แต่กลับถูกหน่วยงานระดับสูงอย่าง เพนตากอน (กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ) ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่าเป็น “ขยะ Woke”

ทว่าคำพูดที่ตั้งใจจะลดทอนคุณค่าของผลงาน กลับกลายเป็น “เชื้อเพลิง” จุดกระแสความนิยมให้กับซีรีส์เรื่องนี้ จนไต่ขึ้น อันดับ 2 บนชาร์ต Netflix สหรัฐฯ และ ติด Top 5 ในหลายประเทศทั่วโลก ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังออกอากาศ

 

🎬 จุดเริ่มต้นของซีรีส์ “Boots” — จากบันทึกจริงสู่เรื่องแต่งที่แทงใจคนดู

ซีรีส์ Boots สร้างจากบันทึกความทรงจำชื่อ The Pink Marine (ตีพิมพ์ปี 2016) ของ Greg Cope White อดีตทหารนาวิกโยธินที่กล้าเปิดเผยชีวิตในฐานะชายเกย์คนหนึ่งซึ่งตัดสินใจสมัครเข้ากองทัพในยุค 90s

ยุคนั้นกองทัพสหรัฐฯ ยังมีนโยบาย “Don’t Ask, Don’t Tell” — หรือแปลว่า “อย่าถาม อย่าบอก” หมายถึง ทหารสามารถเป็นเกย์ได้ แต่ห้ามเปิดเผยออกมา หากใครถูกจับได้ว่าเป็น LGBTQ+ อาจถูกให้ออกจากราชการในทันที

ในซีรีส์ Boots บทบาทนำแสดงโดย Miles Heizer (จาก 13 Reasons Why) รับบทเป็น “แจ็ค” วัยรุ่นชายจากรัฐหลุยเซียนา ผู้ยังไม่กล้าเปิดเผยตัวตน เขาเติบโตในครอบครัว保守 (อนุรักษ์นิยม) และตัดสินใจสมัครเป็นนาวิกโยธินเพื่อพิสูจน์ความเข้มแข็งของตนเอง — แต่การเดินเข้าสู่ค่ายฝึกกลับกลายเป็นการเดินเข้าสู่สมรภูมิภายในจิตใจ

⚔️ เพนตากอนโวย! “เราจะไม่ประนีประนอมมาตรฐานเพื่อวาระทางอุดมการณ์”

หลังซีรีส์ออกฉายเพียงไม่กี่วัน เสียงตอบรับในโซเชียลเริ่มดังขึ้น แต่ก็ไม่ทันเท่าคำพูดของ คิงสลีย์ วิลสัน (Kingsley Wilson) โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ conservative รายหนึ่ง โดยกล่าวว่า

 “กองทัพสหรัฐฯ จะไม่ประนีประนอมมาตรฐานของเรา เพียงเพื่อตอบสนองต่อวาระทางอุดมการณ์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง — ไม่เหมือนกับ Netflix ที่ผู้นำของบริษัทเลือกจะผลิตและป้อน ขยะ Woke ให้กับผู้ชม โดยเฉพาะเยาวชน”

คำว่า “Woke” ในที่นี้ หมายถึงแนวคิดที่ตื่นรู้ทางสังคม เช่น การเรียกร้องสิทธิเท่าเทียมทางเพศ การต้านการเหยียดเชื้อชาติ หรือการสนับสนุนชาว LGBTQ+ — ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลายเป็นคำที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมใช้โจมตีผลงานที่มีเนื้อหาแนวก้าวหน้า

การแถลงของเพนตากอนถูกมองว่า “แรงเกินจำเป็น” และ “ไม่เหมาะสมกับบทบาทของหน่วยงานรัฐ” เพราะซีรีส์ Boots เป็นเพียงผลงานบันเทิงที่อ้างอิงชีวิตจริง ไม่ใช่สารคดีโจมตีสถาบันกองทัพ

 

🚀 ผลลัพธ์ตรงข้าม — ยิ่งด่า ยิ่งดัง!

หลังคำพูดของเพนตากอนถูกเผยแพร่ออกไปผ่าน CNN, Variety และสื่อใหญ่อื่น ๆ ผลลัพธ์กลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด — Boots พุ่งขึ้นจากอันดับ 12 สู่ อันดับ 2 บน Netflix U.S. ภายใน 48 ชั่วโมง

นอกจากนี้ยังขึ้น อันดับ 4 ในสหราชอาณาจักร, อันดับ 3 ในแคนาดา, และ ติดชาร์ต Top 10 ในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก

ผู้ชมจำนวนมากพากันแห่เข้าไปดูด้วยความสงสัยว่า “มันแย่ขนาดที่เพนตากอนว่าไว้จริงหรือ?” ซึ่งในที่สุด หลายคนกลับออกมาชื่นชมว่า นี่คือหนึ่งในซีรีส์แนวทหารที่ “ซื่อตรงต่ออารมณ์มนุษย์” มากที่สุดในรอบหลายปี

 

🗣️ ผู้สร้าง “Andy Parker” ตอบกลับอย่างเหนือชั้น: “ขอบคุณเพนตากอนที่ช่วยโปรโมตให้ฟรี!”

ในบทสัมภาษณ์กับ Vanity Fair ผู้สร้างซีรีส์ Andy Parker กล่าวติดตลกว่า

“ผมเดาว่าเราคงต้องให้เครดิตเพนตากอนบ้างแล้ว ใช่ไหมล่ะ? เพราะตั้งแต่พวกเขาเรียกเราว่า ‘ขยะ Woke’ ยอดคนดูก็พุ่งขึ้นแบบจรวดเลย”

แต่พาร์เกอร์ย้ำว่า เขาไม่ได้ตั้งใจสร้างซีรีส์เพื่อโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง หรือผลักดันอุดมการณ์ใด ๆ เขาเพียงต้องการเล่าชีวิตของคนคนหนึ่งที่ถูกระบบบังคับให้ต้อง “ปิดบังตัวตน” เพื่อจะได้ทำหน้าที่อย่างภาคภูมิ

 “ผมคงแปลกใจมากถ้าเพนตากอนได้ดูซีรีส์นี้จริง ๆ … ผมคิดว่าแค่เห็นเรื่องย่อก็คงตั้งธงไว้แล้ว ทั้งที่สิ่งที่เราพยายามพูดถึงคือ ศักดิ์ศรีของมนุษย์ทุกคนในระบบที่ไม่เท่าเทียมกัน เท่านั้นเอง”

🌈 “Boots” ไม่ได้พูดแค่เรื่องเพศ แต่พูดถึง “ต้นทุนของความเป็นคน”

พาร์เกอร์อธิบายว่า เบื้องหลังซีรีส์เรื่องนี้คือคำถามใหญ่ทางสังคม ว่ากองทัพซึ่งยึดถือเกียรติและวินัย จะอยู่ร่วมกับความหลากหลายทางเพศได้อย่างไรโดยไม่สูญเสียคุณค่าใดคุณค่าหนึ่งไป

“เราพูดถึงต้นทุนของสิ่งนั้น — ต้นทุนที่คนในกองทัพต้องแบกรับเมื่อต้องปิดบังตัวเอง ต้นทุนของสถาบันเมื่อเลือกจะกีดกันบางคนออกไป ทั้งที่พวกเขาก็ต้องการรับใช้ประเทศอย่างมีเกียรติ”

เขาเสริมว่า ซีรีส์ไม่ได้พยายาม “โจมตี” กองทัพ แต่ต้องการชวนให้ตั้งคำถามว่า “เมื่อเราบังคับให้คนต้องเลือกว่าจะซื่อสัตย์ต่อตัวเองหรือซื่อสัตย์ต่อสถาบัน — มันคือความยุติธรรมหรือไม่?”

 

🧩 เสียงสะท้อนจากนักวิจารณ์: “Boots คือจดหมายรักถึงความกล้าหาญในทุกความหมาย”

นักวิจารณ์จาก The Guardian เขียนรีวิวว่า

 “Boots อาจเป็นซีรีส์ทหารเรื่องแรกที่พูดถึงความกล้าหาญไม่ใช่ผ่านกระสุนและเหงื่อ แต่ผ่านน้ำตาและความกลัวของการเป็นตัวเองในที่ที่ไม่ต้อนรับคุณ”

สื่อ Rolling Stone ให้คะแนน 8/10 พร้อมบอกว่า “นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของ LGBTQ+ แต่คือเรื่องของคนทุกคนที่ต้องต่อสู้เพื่อสิทธิ์ในการเป็นตัวเองในโลกที่คาดหวังให้คุณสวมเครื่องแบบเดียวกัน”

 

⚖️ ทำไมคำว่า “Woke” ถึงกลายเป็นคำด่า?

ประเด็นคำว่า Woke กลายเป็นจุดโฟกัสใหม่ของสังคมอเมริกันในช่วงหลายปีหลัง โดยเฉพาะในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมใช้คำนี้โจมตีสื่อ ภาพยนตร์ และซีรีส์ที่ส่งเสริมความหลากหลาย

สำหรับเพนตากอน คำว่า “Woke” คือสัญลักษณ์ของความอ่อนแอในระบบระเบียบ แต่สำหรับคนรุ่นใหม่ มันคือสัญลักษณ์ของความกล้าในการท้าทายอำนาจที่กดทับ

ดังนั้น เมื่อหน่วยงานรัฐระดับสูงออกมาพูดคำนี้อย่างเหยียดหยัน มันจึงยิ่งกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่หันกลับมาดู Boots เพื่อ “พิสูจน์ด้วยตาตัวเอง”

 

🧠 โลกออนไลน์ตอบกลับแรง: “นี่ไม่ใช่ซีรีส์ Woke แต่มันคือเรื่องจริงของคนจริง”

บนแพลตฟอร์ม X (Twitter) แฮชแท็ก #BootsNetflix ติดเทรนด์อันดับ 1 ในสหรัฐฯ ภายใน 24 ชั่วโมงหลังคำวิจารณ์ของเพนตากอน โดยมีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงถกเถียงอย่างเผ็ดร้อน

บางคนเขียนว่า

 “ถ้าความเห็นอกเห็นใจคือ Woke งั้นฉันก็ยอม Woke ทั้งชีวิต”

อีกคนโพสต์ว่า

 “Boots ไม่ได้ขายอุดมการณ์ มันขายความเจ็บปวดของคนที่ต้องหลบซ่อนตัวตนในเครื่องแบบ”

กระทั่งมีชาวเน็ตแซวว่า

 “เพนตากอนอาจต้องเปิดแผนก PR ใหม่ไว้โปรโมตหนังที่พวกเขาเกลียด เพราะทุกเรื่องที่โดนด่ามักจะดังทุกครั้ง”

📚 การเมืองในกองทัพและอัตลักษณ์ทางเพศ — ปมที่ยังไม่จบ

ในยุคของทรัมป์ เคยมีนโยบาย “แบนทหารข้ามเพศ” ที่ห้ามบุคคลข้ามเพศรับราชการในกองทัพ ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าขัดต่อสิทธิมนุษยชน ก่อนจะถูกยกเลิกในยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

แต่แม้ในปัจจุบันจะเปิดกว้างมากขึ้น ความอคติภายในระบบยังคงอยู่ — และ Boots ก็สะท้อนให้เห็นว่าความกลัว การถูกกดทับ และความพยายามจะ “เข้ากับระบบ” ยังไม่หายไปจากโลกของทหาร

พาร์เกอร์ย้ำว่า “สิ่งที่ซีรีส์พยายามพูดคือ ความจงรักภักดีไม่ควรถูกวัดจากเพศสภาพของคุณ”

 

🪖 ทำไม “Boots” ถึงเข้าถึงใจคนทั่วโลก?

ความสำเร็จของ Boots ไม่ได้เกิดจากประเด็นทางเพศเพียงอย่างเดียว แต่เพราะมันจับหัวใจของคนทั่วไปที่เคยรู้สึกว่า “โลกไม่เปิดรับพวกเขา”

ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เคยรู้สึกโดดเดี่ยวในที่ทำงาน ต้องปิดบังความจริงกับครอบครัว หรือถูกสังคมตีกรอบให้เป็นในสิ่งที่คุณไม่ใช่ — คุณจะเข้าใจแจ็ค ตัวละครหลักของเรื่องได้ทันที

และนี่คือพลังของการเล่าเรื่องแบบที่ Netflix มักถนัดที่สุด — เล่าเรื่องส่วนตัวให้กลายเป็นเรื่องสากล

 

🌍 จากกระแส Netflix สู่การถกเถียงระดับโลก

หลายประเทศเริ่มหยิบยก Boots ไปใช้เป็นตัวอย่างในวงเสวนาเรื่อง “Representation Matters” หรือการมีตัวแทนของกลุ่มหลากหลายทางเพศในสื่อ

ในฝรั่งเศส สภาวัฒนธรรมแห่งชาติถึงขั้นเชิญ Andy Parker ไปพูดในหัวข้อ “การสร้างสื่อที่ไม่กลัวความจริง”

ในเกาหลีใต้ แฟนซีรีส์ LGBTQ+ จัดกิจกรรมดู Boots ร่วมกันในโซล พร้อมข้อความว่า “Uniforms can’t hide humanity” (“เครื่องแบบไม่อาจซ่อนความเป็นมนุษย์”)

🧭 บทสรุป: “Boots” กับคำถามที่ก้องยาวกว่าเสียงด่าของเพนตากอน

สุดท้ายแล้ว คำว่า “ขยะ Woke” ที่เพนตากอนใช้ อาจกลายเป็นหนึ่งในคำประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุดของ Netflix โดยไม่ได้ตั้งใจ

เพราะในขณะที่ฝ่ายหนึ่งมองว่าซีรีส์เรื่องนี้กำลัง “บิดเบือนภาพลักษณ์กองทัพ”

อีกฝ่ายกลับมองว่ามันคือ “การเปิดพื้นที่ให้คนตัวเล็ก ๆ ได้พูดถึงความจริงที่ไม่มีใครอยากฟัง”

และบางที… คำตอบที่แท้จริงอาจอยู่ตรงกลางระหว่างนั้น

สิ่งที่ Boots ทำได้สำเร็จคือการตั้งคำถามกับผู้ชมว่า “เราจะยังภาคภูมิใจกับระบบที่ให้เกียรติเฉพาะบางคนได้อย่างไร ในเมื่อทุกคนต่างมีหัวใจที่อยากรับใช้เหมือนกัน?”

เนื้อหาโดย: bbb1236555
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
bbb1236555's profile


โพสท์โดย: bbb1236555
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: paktronghie
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เลขเด็ด "ทักษามหารานี" งวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 68..ส่องเลย เลขไหนเข้าวิน!พระกระยาหารโปรดของในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระพันปีหลวง ที่ทรงโปรด"ตาคลี" จากดินแดนชนบทสู่เมืองจีไอที่เต็มไปด้วยสีสันในยุคสงครามเวียดนาม#คนละครึ่งพลัส: ร้านค้าต้องรู้! “ห้ามติด QR Code หน้าร้าน” ต้องสร้างใหม่ทุกครั้งเพื่อสแกนจ่ายเครื่องเหตุเครื่องบินที่บรรทุกนักท่องเที่ยวตกที่เคนยา"Тінь" เงาลึกลับจากเอเชีย : พลแม่นปืนอาสายูเครนที่ไม่มีใครรู้ชื่อจริง#คนละครึ่งพลัส: เช็ก 6 ขั้นตอนด่วน! วิธีเติมเงิน G Wallet บนแอปฯเป๋าตัง เริ่มใช้จ่าย 29 ต.ค. นี้ตะลึง!นักศึกษาสาวสวยยกกระโปรงขึ้นเพื่อเผยอวัยวะเพศในงานเทศกาลอนิเมะ และอ้อนวอนต่อศาลว่า "ความต้องการทางเพศของฉันไม่ได้รับการตอบสนอง"!“รัฐฉาน” แสดงความเคารพต่อไทยอย่างงดงาม – ตัดภาพมาที่กัมพูชา ยังคงยั่วยุไม่หยุด!เจ้าสาววัย 19 ปี ฆ่ๅตัวตๅย หลังถูกครอบครัวผัววิจารณ์ เรื่องสวมชุดแต่งงานเปิดไหล่ไทยถอนรถถัง M60A3 ตามข้อตกลงสันติภาพ หวังลดความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา10 สถานที่ท่องเที่ยวในตรัง สวยครบทุกสไตล์
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เครื่องเหตุเครื่องบินที่บรรทุกนักท่องเที่ยวตกที่เคนยาตะลึง!นักศึกษาสาวสวยยกกระโปรงขึ้นเพื่อเผยอวัยวะเพศในงานเทศกาลอนิเมะ และอ้อนวอนต่อศาลว่า "ความต้องการทางเพศของฉันไม่ได้รับการตอบสนอง"!“อนุทิน” ขอโทษประชาชน ปมให้สัมภาษณ์สับสน ยันไทย–กัมพูชาต้องทำตามข้อตกลงร่วมกันสูตรขนมดอกจอก ทำขาย!#คนละครึ่งพลัส: เช็ก 6 ขั้นตอนด่วน! วิธีเติมเงิน G Wallet บนแอปฯเป๋าตัง เริ่มใช้จ่าย 29 ต.ค. นี้
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
สิงคโปร์เดือด! ตอกหน้าฮุนเซนกลางเวทีโลก หลังกัมพูชาทำอาเซียนสั่นคลอนหนุ่มป่วยจิตคลั่งยา ทำร้ายแม่ชรา ควงมีดไล่ฟันชาวบ้าน ตร.บุกจับหนีขึ้นหลังคา ปีนต้นปาล์ม นาน 2 ชมเครื่องเหตุเครื่องบินที่บรรทุกนักท่องเที่ยวตกที่เคนยา“อนุทิน” ขอโทษประชาชน ปมให้สัมภาษณ์สับสน ยันไทย–กัมพูชาต้องทำตามข้อตกลงร่วมกัน
ตั้งกระทู้ใหม่