ศาลอิหร่านถูกประณาม หลังกลับคำตัดสินไม่ประหาร นักโทษคดีข่มขืนต่อเนื่อง

     ตอนนี้ ระบบยุติธรรมของอิหร่าน ตกอยู่ภายใต้กระแสวิพากษ์อย่างรุนแรง หลังศาลมีคำพิพากษา ที่ถูกมองว่า "ย้อนแย้งและไร้มนุษยธรรม" โดยในสัปดาห์เดียวกัน ศาลได้สั่งประหารชีวิต นักโทษการเมืองหญิงสูงอายุ วัย 67 ปี ในขณะเดียวกันกลับยกเลิกโทษประหาร ของชายผู้ถูกขนานนามว่า "ปีศาจแห่งเตหะราน" ผู้ก่อเหตุข่มขืนต่อเนื่องเหยื่อหญิงอย่างน้อย 9 ราย

     หญิงชรารายนี้ชื่อ "ซาห์รา ทาบารี" เธอถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหามีส่วนร่วมกับ "องค์การโมจาเฮดีนแห่งประชาชนอิหร่าน" ซึ่งเป็นกลุ่มฝ่ายค้านต่อต้านรัฐบาลอิหร่าน การพิจารณาคดีของเธอกินเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น โดยไม่มีทนายที่เธอเลือกเอง และ เธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมกระบวนการพิจารณาคดี ซึ่งปัจจุบันเธอถูกคุมขังรอการประหาร ที่เรือนจำ "ลาคาน เมืองราชต์" นอกจากนี้ ยังมีนักโทษการเมืองอีกกว่า 16 คนที่ถูกตัดสินในข้อหาเดียวกัน

     ในขณะเดียวกัน ศาลอิหร่านกลับสร้างความตกตะลึงให้กับสังคม ด้วยการกลับคำพิพากษา โทษประหารชีวิต 2 กระทงของชายที่ได้รับฉายาว่า "ปีศาจแห่งเตหะราน" ที่รู้จักเพียงชื่อ "คาลิล" ผู้ลงมือข่มขืนหญิงสาวตามท้องถนน โดยใช้อาวุธมีดและสเปรย์พริกไทย จากเดิมที่ถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ศาลกลับลดโทษเหลือเพียง "เฆี่ยน 100 ที" และ "เนรเทศไปยังอัฟกานิสถาน" ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรง ในหมู่เหยื่อและครอบครัว...

     องค์กรสิทธิมนุษยชน ได้ออกมากล่าวว่า "ในปี 2025 อิหร่านอาจกลายเป็นประเทศที่มี การประหารชีวิตมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะหลังเหตุโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่าน รัฐบาลภายใต้การนำของ "อยาตอลเลาะห์" เร่งกวาดล้างฝ่ายเห็นต่างอย่างเข้มข้น เฉพาะเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีการประหารชีวิตมากกว่า 200 ราย ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 36 ปี มากกว่าเดือนกันยายนปี 2024 ถึง 2.5 เท่า และ มากกว่าเดือนเดียวกันในปี 2023 ถึง 7 เท่า รวมแล้วในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 มีผู้ถูกประหารชีวิตอย่างน้อย 1,300 ราย

     ท่ามกลางความหวาดกลัว เยาวชนอิหร่านจำนวนมาก ยังคงลุกขึ้นประท้วงอย่างกล้าหาญ ถึงแม้ต้องเผชิญการจับกุม ทรมาน และ สังหาร โดยกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติก็ตาม...

     เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา "สภาเยาวชนอิหร่าน" ได้จัดประชุมพร้อมกันในหลายเมืองของยุโรป เช่น ลอนดอน ปารีส บอนน์ และ ซูริก เพื่อประกาศสนับสนุน "สภาแห่งชาติเพื่อการต่อต้านแห่งอิหร่าน" และ ""องค์การโมจาเฮดีนแห่งประชาชนอิหร่าน" โดยผู้เข้าร่วมประชุมต่างรับรอง "แผน 10 ประการ ของ สภาต่อต้านแห่งชาติอิหร่าน" ที่มุ่งเปลี่ยนอิหร่านจากระบอบเผด็จการไปสู่ประชาธิปไตย โดยยึด "ความเสมอภาคทางเพศ" เป็นหัวใจหลัก...

     ว่าที่ประธานาธิบดี "มัรยัม ราจาวี" ของสภาต่อต้านแห่งชาติอิหร่าน กล่าวในสุนทรพจน์ว่า "วันนี้ ประชาชนอิหร่าน ได้ลุกขึ้นต่อต้านนโยบายการประหารชีวิต ของระบอบนักบวชแล้ว!!" และ "เรากำลังเข้าใกล้ วันแห่งการโค่นล้มเผด็จการศาสนา และ สร้างอิหร่านเสรีที่ประชาชนทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิงและเยาวชน จะมีบทบาทนำในการกำหนดอนาคตของประเทศ!!"

อ้างอิง : telegraph