ทริปตุ๊กตุ๊กสุดระทึก มอลลี่ นักเดินทางสาวนิวซีแลนด์เจอเหตุช็อกกลางถนนศรีลังกา

วันนี้ผมมีเรื่องราวสุดพีคที่ทั้งลุ้น ทั้งตื่นเต้น และทั้งน่าคิดมาเล่าให้ฟังครับ เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับนักเดินทางสาวชาวนิวซีแลนด์ที่ชื่อว่า มอลลี่ เธอตัดสินใจออกทริปเดี่ยวสุดท้าทาย ด้วยการขับรถตุ๊กตุ๊กตะลุยประเทศศรีลังกา แต่ทริปที่ควรจะเต็มไปด้วยความสนุกและการค้นพบใหม่ ๆ กลับต้องสะดุด เพราะเจอเหตุการณ์สุดช็อกกลางถนน

จุดเริ่มต้นของทริป

มอลลี่เป็นสาวนักเดินทางที่ชอบความท้าทาย เธอเลือกวิธีที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือการขับรถตุ๊กตุ๊กด้วยตัวเองเพื่อสำรวจศรีลังกา ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติสวยงามและผู้คนเป็นมิตร

แต่ในวันที่ 25 ตุลาคม ขณะที่เธออยู่ในพื้นที่ Thambiluvil ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป...

การพบเจอที่ไม่คาดคิด

ชายคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์เข้ามาทำความรู้จักกับเธอในตอนแรกอย่างเป็นมิตร แต่พอเวลาผ่านไป เขาเริ่มขี่ตามและพยายามแซงรถของเธอหลายครั้ง

มอลลี่ตัดสินใจจอดพักข้างทางเพื่อเลี่ยงสถานการณ์ แต่ชายคนนั้นก็ขี่ตามมาทันที

แรก ๆ เธอไม่ได้สงสัยอะไร แต่บรรยากาศเริ่มอึดอัด เมื่อชายคนนี้ถามเรื่องที่พัก และชวนเธอ “มีอะไรด้วย” อย่างโจ่งแจ้ง

เหตุการณ์ที่ทำให้ช็อก

มอลลี่ปฏิเสธทันที และเตรียมขับรถหนี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือสิ่งที่ทำให้เธอถึงกับช็อก...

ชายคนนั้นกลับ โชว์ของลับต่อหน้าเธอ อย่างไม่อาย

มอลลี่เล่าว่า...

“ฉันช็อกจนไม่อยากเชื่อว่าเขากล้าถามเรื่องนั้น และหลังบอกปัด เขายังกล้าทำแบบนั้นต่อหน้าฉันอีก”

คลิปไวรัลและการจับกุม

เธอนำคลิปเหตุการณ์มาแชร์ลงโซเชียล และมันก็กลายเป็นไวรัลทันที เสียงวิจารณ์รุนแรงถาโถมไปทั่ว จนตำรวจกองปราบปรามการท่องเที่ยวของศรีลังกาต้องเข้าดำเนินการอย่างเร่งด่วน

สุดท้าย เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมชายวัย 25 ปี ผู้ก่อเหตุได้ แม้ว่าเขาจะพยายามเปลี่ยนรูปลักษณ์และย้ายที่อยู่เพื่อหลบหนีแล้วก็ตาม

มุมมองของมอลลี่

แม้จะเจอเรื่องร้าย แต่มอลลี่ก็ยืนยันว่า ประสบการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้มุมมองต่อศรีลังกาเปลี่ยนไป เพราะคนส่วนใหญ่ที่เธอเจอล้วนใจดีและต้อนรับดีมาก

สิ่งที่เธอต้องการเน้นย้ำคือ...

“การคุกคามทางเพศเป็นความจริงอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ และสังคมควรหยุดตำหนิเหยื่อที่เลือกเดินทางคนเดียว แล้วหันไปโฟกัสที่ผู้กระทำผิด”

เธอสรุปไว้ชัดเจนว่า...

“ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่การเดินทางคนเดียวของผู้หญิง แต่เป็นสิ่งที่ผู้ชายกำลังทำต่างหาก”

บทเรียนจากเหตุการณ์นี้

ผมว่าเรื่องนี้มันโคตรพีคตรงที่...

• หนึ่งคือ...การเดินทางที่ควรจะเป็นการค้นหาความสุข กลับกลายเป็นการเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้าย

• สองคือ...การที่ผู้หญิงคนหนึ่งกล้าออกมาแชร์ประสบการณ์ เพื่อให้สังคมตระหนักถึงปัญหาที่แท้จริง

• สามคือ...การจับกุมผู้ก่อเหตุแสดงให้เห็นว่า เมื่อสังคมร่วมกันกดดัน ความยุติธรรมก็สามารถเกิดขึ้นได้

เรื่องของมอลลี่เป็นเครื่องเตือนใจว่า “การเดินทางคนเดียวไม่ใช่ความผิด” แต่สิ่งที่ต้องแก้ไขคือพฤติกรรมของผู้ที่เลือกคุกคามคนอื่น

สุดท้ายนี้... ขอปรบมือให้มอลลี่ ที่ไม่เพียงแต่กล้าเดินทางคนเดียว แต่ยังกล้าเล่าเรื่องราวเพื่อให้โลกเห็นว่า ปัญหาที่แท้จริงอยู่ตรงไหน

ไว้เจอกันใหม่กระทู้หน้าครับ