7 อันดับเฮลิคอปเตอร์โจมตีที่ดีสุดในโลก
โพสท์โดย ยัยแว่นโก๊ะ
The Top 7 Best Attack Helicopter in the World
เริ่มต้นกันที่ อันดับ 7
Mil Mi-24 เฮลิคอปเตอร์ ได้พัฒนาขึ้นมาโดย Mil bureau เมื่อปี 1960 และ ทำการผลิตที่โรงงาน Arsenyev and Rostov plants เฮลิคอปเตอร์ นี้เป็นที่รู้กัน ในนาม Hind สำหรับ Mil Mi-24 สามารถ ที่จะ บรรทุก ทหาร ด้วยความเร็ว และป้องกันจากการยิงของข้าศึก พร้อมกับมีอาวุธใช้
ในการกดดัน และต่อต้านข้าศึก ภาคพื้นดิน Mi-24 ประกอบ ไปด้วยปีกที่ใหญ่ ที่ไม่ใช่เพียงแต่ใช้ติดตั้งอาวุธ ต่างๆ แต่ยังใช้ ในการช่วยแรงยกของเฮลิคอปเตอร์ ในขณะที่การบินไปข้างหน้า ใบพัดหลักซึ่งประกอบไปด้วยใบพัดห้าใบ และติดตั้ง อยู่บนส่วนบนของลำตัวตอนกลาง ขณะที่ปีกที่ใช้ ในการติดตั้งอาวุธ
ก็ติดตั้งอยู่ที่ตอนกลางของลำตัว สำหรับเครื่องยนต์ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์สองเครื่องยนต์ติดตั้งอยู่ข้างบน ของลำตัวส่วนกลาง มีทางเข้าของอากาศเป็นรูปทรงกลม อยู่ส่วนบนของห้องนักบิน และท่อไอเสียก็ออกด้านข้าง ของเครื่องยนต์ ปีกที่ยื่นออกมาแต่ละปีก มีจุดติดตั้งอาวุธ ปีกละสามจุดรวมทั้งหมด หกจุด
นอกจากนั้น ห้องนักบินยังป้องกันกระสุน ส่วนหัวของใบพัด ก็สร้างด้วยไททาเนียม สามารถทนแรงกระสุน ขนาด 20 มม. จากภาคพื้นดินได้ นอกจากนั้นยังสามารถขนอาวุธได้เพิ่มเติม โดย ใส่ไว้ในห้องผู้โดยสาร เฮลิคอปเตอร์เครื่องนี้ทำการบินครั้งแรกเมื่อ วันที่ 19 กันยายน 1969 และเครื่องแบบ Mi-24 ได้ ทำการสร้างไปแล้ว กว่า 2500 เครื่อง เมื่อถึงปลายทศวรรตที่1990.
อันดับที่ 6
Mil Mi-24 เฮลิคอปเตอร์ ได้พัฒนาขึ้นมาโดย Mil bureau เมื่อปี 1960 และ ทำการผลิตที่โรงงาน Arsenyev and Rostov plants เฮลิคอปเตอร์ นี้เป็นที่รู้กัน ในนาม Hind สำหรับ Mil Mi-24 สามารถ ที่จะ บรรทุก ทหาร ด้วยความเร็ว และป้องกันจากการยิงของข้าศึก พร้อมกับมีอาวุธใช้
ในการกดดัน และต่อต้านข้าศึก ภาคพื้นดิน Mi-24 ประกอบ ไปด้วยปีกที่ใหญ่ ที่ไม่ใช่เพียงแต่ใช้ติดตั้งอาวุธ ต่างๆ แต่ยังใช้ ในการช่วยแรงยกของเฮลิคอปเตอร์ ในขณะที่การบินไปข้างหน้า ใบพัดหลักซึ่งประกอบไปด้วยใบพัดห้าใบ และติดตั้ง อยู่บนส่วนบนของลำตัวตอนกลาง ขณะที่ปีกที่ใช้ ในการติดตั้งอาวุธ
ก็ติดตั้งอยู่ที่ตอนกลางของลำตัว สำหรับเครื่องยนต์ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์สองเครื่องยนต์ติดตั้งอยู่ข้างบน ของลำตัวส่วนกลาง มีทางเข้าของอากาศเป็นรูปทรงกลม อยู่ส่วนบนของห้องนักบิน และท่อไอเสียก็ออกด้านข้าง ของเครื่องยนต์ ปีกที่ยื่นออกมาแต่ละปีก มีจุดติดตั้งอาวุธ ปีกละสามจุดรวมทั้งหมด หกจุด
นอกจากนั้น ห้องนักบินยังป้องกันกระสุน ส่วนหัวของใบพัด ก็สร้างด้วยไททาเนียม สามารถทนแรงกระสุน ขนาด 20 มม. จากภาคพื้นดินได้ นอกจากนั้นยังสามารถขนอาวุธได้เพิ่มเติม โดย ใส่ไว้ในห้องผู้โดยสาร เฮลิคอปเตอร์เครื่องนี้ทำการบินครั้งแรกเมื่อ วันที่ 19 กันยายน 1969 และเครื่องแบบ Mi-24 ได้ ทำการสร้างไปแล้ว กว่า 2500 เครื่อง เมื่อถึงปลายทศวรรตที่1990.
อันดับที่ 6
ah-1w supercobra เฮลิคอปเตอร์ รุ่นฮิวอี้คอปบราที่ Bell สร้าง ได้ทำการบินเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 1965 ซึ่งสร้างขึ้นโดยบริษัท Bell Helicopter รุ่นนี้ สร้างมาจาก Bell รุ่น 204 ซึ่งมีเครื่องยนต์ เกียร์บ๊อกซ์ (transmission) และ ใบพัด (rotor) ของ UH-1C แต่ลำตัวสร้างใหม่ที่นั่งของพลปืนจะอยู่ที่หัวด้านหน้าสุด
ส่วนที่นั่งนักบินจะอยู่สูงกว่า แต่อยู่ด้านหลัง ของพลปืน ลำตัวจะแคบมาก ส่วนที่กว้างที่สุดกว้างเพียง 3 ฟุต 2 นิ้วเท่านั้น มาในปี 1966 กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ได้ทำสัญญากับ บริษัท Bell Helicopter เพื่อสร้างเฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้ แล้วให้ชื่อว่า AH-1G เพราะอยู่ในสถานการณ์เร่งด่วนที่ต้องการ ลำแรกก็สามารถส่งมอบให้กองทัพบก ได้ในเดือน มิ.ย. ปี1967
เพียงปีเดียวหลังการทำสัญญา แล้ว AH-1G ก็เข้าประจำการในเวียตนาม และบินปฎิบัติการ มากกว่า 1 ล้านชั่วโมง AH-1G สร้างให้กองทัพบกสหรัฐฯ ทั้งหมดมากกว่า 1100 ลำ AH-1 มีหลายรุ่นหลายแบบ AH-1G จะใช้เครื่องยนต์ เพียงเครื่องยนต์เดียว , TH-1G เป็นรุ่นที่ใช้ในการฝึกบิน AH-1Q ใช้กับ TOW missile, AH-1R , AH-1S , AH-1P และ เครื่องที่ถือว่าทันสมัย และเป็นมาตรฐาน ก็คือ AH-1F
ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้ทำการแก้ไขปรับปรุงทุกๆอย่างที่ผ่านมา ตั้งแต่รุ่น AH-1G แล้ว. US Marine Corps ได้ตัดสินใจที่จะจัดหาเฮลิคอปเตอร์ชนิดนี้ แต่ต้องการเป็นสองเครื่องยนต์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้น US Marine corps จึงได้สั่งซื้อ AH-1J ( Sea Cobra ). AH-1J ประกอบไปด้วยโครงสร้างพื้นฐานเช่นเดียวกับ AH-1G แต่มีรายละเอียดบางอย่างที่เปลี่ยนไปเพื่อให้ได้มาซึ่งกำลังที่เพิ่มขึ้นของ เครื่องยนต์
แพรตแอนวิทนีย์ P&W T400-CP-400 (PT6T-3) เป็นเครื่องยนต์คู่ AH-1J ได้ส่งมอบให้ USMCในปี 1974.รุ่น AH-1T เป็นรุ่นที่ปรับปรุงของ SeaCobra ประกอบไปด้วยหลายๆอย่างของ AH-1J แต่มีโครงสร้างลำตัวที่ยาวขึ้น สามารถบรรจุเชื้อเพลิงได้มากขึ้น มีท่อนหางที่ยาวขึ้นด้วย และมีการเพิ่มประสิทธิภาพของใบพัด ทั้งใบพัดหลัก และใบพัดหาง AH-1T ลำแรกเริ่มบินเมื่อเดือน พ.ค. 1976 และส่งมอบให้ USMC เดือน ต.ค. 1977. ในปี 1986
,AH-1W Super Cobra ซึ่งปรับปรุงจาก SeaCobra ขึ้นไปอีก โดยใช้เครื่องยนต์สองเครื่องยนต์ของ General Electric รุ่น T700-GE-401 ใช้ gearbox ใหม่ และการปรับปรุงอื่นๆ AH-1W ส่งมอบในเดือน มี.ค.1986. The AH-1W ใช้ avionics และอาวุธที่มีประสิทธิภาพ และความสามารถมากกว่า
เฮลิคอปเตอร์ชนิดนี้ได้เข้าร่วมในสงคราม Desert Storm และสามารถทำลายรถถังมากกว่า 90 คัน AH-1Z เป็นรุ่นล่าสุดที่กำลังดำเนินการอยู่ AH-1W จะประกอบไปด้วยใบพัดหลัก
(main rotor) ที่มีใบพัดสี่ใบ มีที่ติดตั้งอาวุธนอกลำตัว 6 จุด ปรับปรุง avionics และใช้ระบบควบคุม การบินแบบ digital และทำการทดลองบินครั้งแรก เมื่อ ธ.ค. 2000.
อันดับที่ 5
A-129
Agusta A-129 Mangusta (Mongoose) เริ่มต้นโครงการ ในปี 1978. A-129 เป็น เครื่อง เฮลิคอปเตอร์ ขนาดเบา ที่ใช้ ต่อสู้รถถัง และ ปฏิบัติการโจมตี ทางทหาร A-129 เป็นเฮลิคอปเตอร์ ที่ออกแบบ และ สร้างขึ้นมาทั้งหมด ด้วยประเทศในยุโรป Mangusta สร้างขึ้น ในประเทศ อิตาลี
โดยบริษัท Agusta Aircraft Company A-129 Mangusta ได้ทำการบิน ครั้งแรก เมื่อเดือน กันยายน 1983. เครื่องนี้ สามารถทำการบินได้ ทั้ง กลางวัน กลางคืน และ ทุกสภาพอากาศ A-129 มีใบพัดหลัก สี่ใบ ที่มีส่วนการสร้างด้วย fibreglass และ ออกแบบ ให้ทน ต่อ แรงกระสุน ขนาด 12.7 มม. ส่วนโครงสร้าง ของลำตัว ก็สร้างจาก วัสดุ composite มากถึง 70%
ซึ่งมีความทน ต่อกระสุนขนาด 12.7 มม. เช่นกัน พร้อมทั้ง มีความแข็งแรง ต่อแรงกระแทก ตาม มาตรฐาน ใช้นักบิน สองคน ซึ่งนั่ง ในตำแหน่ง หน้า-หลัง นักบิน จะนั่งอยู่ ด้านหลัง ที่ยกสูง และ เจ้าหน้าที่ พลปืน จะนั่งอยู่ ด้านหน้า ห้องนักบิน ก็มี พื้นที่ ด้านหน้า ที่เล็ก เพื่อให้ลด การเห็น และการ ตรวจพบ ของเรดาร์ ส่วนหาง จะค่อยๆเล็กลง ไปทางส่วนปลาย
มีกระโดงหาง ตั้งสูง และ เอนไปทางท้าย มี tail rotor ติดตั้ง อยู่ทางซ้าย และ มีล้อหาง เป็นล้อที่สาม เครื่องยนต์ ประกอบด้วย เครื่องยนต์ สอง เครื่องยนต์ ของ RollsRoyce Gem2 ที่บริษัท Piaggio ของ Italy ได้รับ อนุญาต จาก RollsRoyce ให้สร้างได้ ในประเทศ อิตาลี A-129 มีจุด ที่ติดตั้ง อาวุธที่ปีก สี่ จุด ข้างละ สองจุด ปัจจุบัน ประเทศ อิตาลี เป็นประเทศเดียวที่ มีเครื่องนี้เข้าประจำการอยู่
อันดับที่ 4
EuroCopter Tiger
Tiger เฮลิคอปเตอร์ ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นสองแบบ หรือ สองชนิด คือแบบต่อสู้รถถัง (HAC Model สำหรับฝรั่งเศส และ UHT Model สำหรับเยอรมันนี ) และ แบบใช้สนับสนุนในการรบ ( HAP). Tiger สร้างขึ้นโดย EuroCopter ซึ่งประกอบด้วย Daimler Chrysler Aerospace ของเยอรมันนี
Aerspatiale Matra ของฝรั่งเศส และ CASA ของสเปน. ในเดือน กันยายน 1988, ฝรั่งเศส และเยอรมันนี ได้ประกาศการดำเนินโครงการ Tiger helicopter. สำนักงาน DFHB (Deutsch-Franzoesisches Hubschrauber Buero) ของเยอรมันนี ได้ทำสัญญาให้ EuroCopter พัฒนาเป็นสองแบบ ที่อาจจะเป็นไปได้ ฝรั่งเศสแบบ HAP (Helicopter de appui-protection)
สำหรับใช้สนันสนุนการรบ และเยอรมันนีแบบ HAC (Helicopter anti-char) เพื่อใช้สำหรับต่อสู้รถถัง ในปี 1995,ฝรั่งเศส และเยอรมันนี ได้เซ็นต์ MOU (หนังสือ แสดงความเข้าใจ) สำหรับการเตรียมการสร้าง HAP และ HAC หรือ Tiger เฮลิคอปเตอร์ และในปี 1998 สัญญาการให้สร้าง ก็ได้ทำกับ EuroCopter
เพื่อสร้างเฮลิคอปเตอร Tiger จำนวน 160 ลำ. การพัฒนานี้จะเสร็จสิ้น ในปลายปี 2002 และจะสามารถ จะส่งมอบเครื่อง UHT ได้ ในปลายปี 2002 เช่นกัน และประมาณว่า เครื่องแรกจะสามารถเข้าประจำการได้ ในปลายปี 2004.
เครื่อง UHT ติดตั้งเสากระโดงสำหรับการมอง ระบบการมองแบบ infrared สำหรับนักบินมีระบบ unguided rockets และปืนขนาด 12.7 มม. เครื่องรุ่น HAP ติดตั้งอุปกรณ์ การมองที่ส่วนบนของลำตัว หรือบนหลังคา (IR,TV or optical images) ,และ ปืนขนาด 30 มม. ติดตั้งที่ด้านล่างของส่วนหน้า , มี rockets ด้วย ที่ห้องนักบิน และห้องเจ้าหน้าที่ประจำปืน
จะมีหน้าปัดจอสีอเนกประสงค์สองจอ เครื่องยนต์ MTR390 ใช้กับ Tiger เครื่องยนต์ MTR390 ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย MTU Aero Engines จากประเทศ Germany, Turbomeca จาก France, และ Roll-Royce จาก United Kingdom, ได้ร่วมทุนกันเป็น MTR Tiger เป็นเครื่องที่มีความคล่องตัวสูง
และมีอาวุธจำนวนมาก ไว้ประกอบภาระกิจ ทั้งกลางวัน และกลางคืน ทุกสภาพอากาศ Tiger มีระบบอาวุธที่ทันสมัย สำหรับภาระกิจที่ได้รับมอบหมาย เครื่องแรกของ Tiger ได้ทำการฉลองในพิธีสร้างเสร็จเมื่อ วันที่ 22 มีนาคม 2002 ที่ Eurocopter เมือง Donauworth.
อันดับที่ 3
Mi28 N
Mil Mi-28 เฮลิคอปเตอร์ สร้างโดยโรงงาน Mil Moscow Helicopter Plant และรู้จักกันในนาม HAVOC. Mi-28 สามารถบินได้ ด้วยความเร็วถึง 300 ก.ม / ช.ม. สามารถบินถอยหลัง บินไปด้านข้างด้วยความเร็วถึง 100 ก.ม. / ช.ม. การพัฒนาเฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้ ล่าช้ามากเนื่องจาก
ขาดการสนับสนุนด้านการเงินเพียงพอ เครื่องเริ่มบินเป็นครั้งแรกเมื่อเดือน พ.ย.1982 เข้าประจำการในเดือน ม.ค1988 และในเดือน พ.ค.1989 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ เฮลิคอปเตอร์ Mi-28 ออกสู่สายตาชาวโลก ที่งานแสดงนิทรรศการ ระหว่างประเทศทางอากาศ ครั้งที่ 38 ที่กรุงปารีส ที่เรียกว่า Paris Air Show เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องมีสองคน นักบินจะนั่งในห้องข้างหลัง ที่อยู่สูงกว่าเจ้าหน้าที่ประจำด้านหน้า ซึ่งทำหน้าที่ค้นหา
ตรวจสอบข้าศึก และทำลาย เฮลิคอปเตอร์ Mi-28 มีล้อ สามล้อ ซึ่งเป็นแบบพับเก็บไม่ได้ และเป็นระบบล้อหลังอยู่ที่ส่วนหาง Mi-28 มีระบบกันกระสุนสำหรับห้องนักบิน และ ห้องเจ้าหน้าที่ส่วนหน้า สามารถทนต่อกระสุน ขนาด 7.62 และ 12.7 ม.ม Mil Mi-28A มีปีกเล็กๆ ลู่หลังเล็กน้อย อยู่ตรงกลางลำตัว มีโครงสร้างห้อยอยู่ที่ ปีกเล็กนี้ เพื่อใช้ในการติดตั้งอาวุธ
สำหรับรุ่น Mil Mi-28N Night Havoc จะมี โครงสร้าง ทุกอย่าง เหมือน Mi-28A ข้อแตกต่างที่สำคัญ คือ Mi-28N ติดตั้งระบบการต่อสู้ด้วย Electronics ได้แก่ microwave radar antenna ซึ่งติดตั้งอยู่บนหัว ของใบพัดหลัก (rotor head ) และระบบ forward looking infrared ( FLIR ) อย่างอื่น ก็มี Gearbox ใหม่
ใบพัดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ใบพัดหลักเป็น composite material ประกอบด้วยใบพัดห้าใบ และใบพัดหาง ประกอบด้วยใบพัด สี่ใบประกอบเป็น ลักษณะรูปตัวอักษร X เครื่องยนต์ของ Mi-28A เฮลิคอปเตอร์ ใช้สองเครื่องยนต์ เป็นเครื่องยนต์ Turboshaft ของ Isotov รุ่น TV3-117VMA
อันดับที่ 2
Black Shark Ka 50
Ka-50 Black Shark เป็นเครื่องเฮลิคอปเตอร์ที่ทันสมัย มีความคล่องตัวสูง ใช้ในการรบ และสนับสนุนการรบ ระยะใกล้ Ka-50 Black Shark ( สนธิสัญญา แอตแลนติคเหนือ เรียกชื่อว่า HOKUM ) ได้พัฒนาโดย Kamov Helicopters JSC.
ปัจจุบันสร้างอยู่ที่ โรงงาน Sazykin Aviation Company Progress, ในประเทศ รัซเซีย Kamov Ka-50 ยังรู้จักกันในนาม Werewolf ในตลาดต่างประเทศ เครื่อง Kamov Ka-50 ถูกออกแบบมา ให้ใช้ ใบพัดหลักสองชุด บนแกนร่วมกัน แต่หมุนกันคนละทาง เครื่องนี้จะไม่มีใบพัดที่หาง ทำการบินครั้งแรกเมื่อ
เดือน ก.ค. 1982 และเข้าประจำการกับกองทัพบกรัซเซีย เมื่อปี 1995 เป็นเฮลิคอปเตอร์ ที่มีประสิทธิภาพในการรบสูง ทั้งกลางวัน และ กลางคืน ด้วยอำนาจการทำลายเป้าหมาย และรถถังหรือรถหุ้มเกราะที่สูง Ka-50 และ Mil Mi-28 ได้สร้างขึ้นมาในเวลาเดียวกัน และทั้งคู่ก็ต้องการได้ สัญญา ในการสร้าง จาก รัซเซีย เช่นกัน ถึงแม้ว่าผลการทดสอบ จะออกมาและดูเหมือนว่า Ka-50 จะดีกว่า แต่กระทรวงกลาโหมของรัซเซีย
ตกลงที่จะให้ทั้งสองบริษัท พัฒนาเฮลิคอปเตอร์ ต่อไป. การใช้ แกน ร่วมกัน ทำให้ ความคล่องตัว และความเร็วสูงขึ้น การที่ไม่ต้องมีชุดใบพัดหาง และระบบขับเคลื่อนชุดใบพัดหาง ทำให้ ได้เปรียบ โดยทำให้ลำตัวสั้นลง และลดการมองเห็นขณะทำการรบของข้าศึก เฮลิคอปเตอร์ มีปีกเล็กอยู่ที่กลางลำตัว
ที่ปีกมีจุดสำหรับติดอาวุธอยู่ สี่จุด ข้างละสองจุด ที่ปลายปีกจะติดตั้งอาวุธ ตอบโต้ข้าศึก มีระบบป้องกันกระสุน อยู่รอบห้องนักบิน ซึ่งสามารถป้องกันกระสุน ขนาด 12.7 ม.ม.ได้ Ka-50 เป็น เฮลิคอปเตอร์ เครื่องแรกที่ติดตั้งระบบ
การดีดตัวของนักบิน ซึ่งอนุญาต ให้ นักบิน สามารถหนีออกมาได้ทุกความสูง และความเร็วของเฮลิคอปเตอร์ Ka-50 มีล้อสามล้อ เป็นแบบที่มีล้อหน้า และสามารถพับเก็บได้
อันดับที่ 1
Apache AH-64D Longbow
AH-64D Apache Longbow เป็นเครื่องเฮลิคอปเตอร์ รบ เครื่องล่าสุดของรุ่นอาปาเช่ ที่ได้พิสูจน์ ในการรบ มาแล้ว เป็นอย่างดี เครื่องอาปาเช่ เดิมเป็นเครื่องที่สร้างโดยบริษัท Mcdonnell Douglas แต่ปัจจุบัน เป็นบริษัท Boeing
ซึ่งได้รวมเอาบริษัท Mcdonnell Douglas เข้าไว้ด้วยกัน การผลิตเครื่องรุ่นนี้ปัจจุบันตั้งแต่เดือน มี.ค. 2000 ผลิตได้ เดือนละ 6 เครื่อง บริษัทโบอิ้งได้ประกาศว่าจะผลิต ให้ได้1000 เครื่องใน 10 ปีข้างหน้า เครื่องรุ่นอาปาเช่ลองโบว ได้ส่งให้กองทัพบกสหรัฐฯ ครั้งแรกเมื่อปี 1997 Apache Longbow เป็น เฮลิคอปเตอร์ เพียงเครื่องเดียว ที่ประจำการ อยู่ในขณะนี้ที่มีสมรรถนะ ในการตรวจจับ แยกแยะ จัดลำดับความสำคัญ ในการกำจัด ข้าศึก หรือเป้าหมายโดยที่ตัวเอง อยู่ห่างจากเป้าหมาย
ทำการรบได้ในทุกสภาวะอากาศ AH-64D Apache Longbow มีอาวุธที่แม่นยำ ระยะทำการที่ไกลกว่า และมีประสิทธิภาพ ในการรบกลางคืนมากกว่า ส่วนระบบการสื่อสาร และระบบควบคุมการรบของ Apache Longbow ที่ทันสมัย ช่วยให้การรบ และการควบคุมการรบของหน่วยบัญชาการรบ มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้น Apache Longbow ยังให้นักบินที่ทำการรบ
มีความสามารถเหนือข้าศึกด้วยระบบการยิงที่ใช้ระบบเรดาร์ควบคุม ในการยิงจรวด. ใช้ระบบเลเซอร์, ระบบอินฟาร์เรด, และระบบ ไฮเทคต่างๆ ระบบการค้นหา ติดตาม และโจมตีรถถัง และเป้าหมายอื่นๆ อาปาเช่ ติดตั้งจรวด ระบบเลเซอร์นำทาง Hell fire 16 ลูก, และจรวด 70-76 มม.,ปืน 30มม.
กระสุนแรงระเบิดสูง 1200 นัด , เฮลิคอปเตอร์ Apache ของกองทัพบก สหรัฐฯ เป็นกำลังหลักในการปฏิบัติการในปานามาในปี 1989 ซึ่งการปฏิบัติการ ส่วนใหญ่ เป็นเวลากลางคืน นอกจากนั้น ในการปฏิบัติการ Desert Storm ในสงครามอ่าวเปอร์เซียก็ต้องให้ เครดิตแก่ Apache เพราะสามารถทำลายรถถัง
ได้มากกว่า 500 คัน ระบบ ตรวจจับ ของ Apache ได้พิสูจน์ให้เห็นประสิทธิภาพการทำงาน ในเวลากลางคืน หรือความมืดในการตรวจสอบข้าศึก, AH-64 Apache ยังช่วยรักษาสันติภาพใน บอสเนีย และ อัลบาเนีย. note:
ความแตกต่างระหว่าง AH-64D apache และ AH-64D Apache Longbow คือ: AH-64D Apache Longbow จะมีการติดตั้งระบบเรดาร์ แต่ AH-64D Apache จะ ไม่มี ระบบเรดาร์.
ที่มา: เพจ ความรู้รอบตัว&ความรู้รอบโลก
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
44 VOTES (4/5 จาก 11 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ












Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด

