แฉ ชีวิตเกย์ การมั่วเพศ และเชื้อ HIV

ตลอดมาที่ผมได้รู้จักเชื้อ HIV และได้รู้จักสังคมของผู้ติดเชื้อ
มีคำถามนึงที่มักเกิดขึ้นเสมอนะครับ
ว่าทำไม เกย์ถึงเป็นเอดส์เยอะจัง
และผมก็เชื่อว่าคนส่วนมากในสังคมก็รู้สึกแบบนั้นแม้แต่คุณแม่ผมเองตอนที่ท่านรู้ว่าผมเป็นเกย์ท่านก็ร้องไห้ เพราะกลัวว่าผมจะเป็นเอดส์
สุดท้ายผมก็ได้เป็นทั้งเกย์เป็นทั้งเอดส์ ที่ท่านกลัวซะครบเลย
ผมไม่แน่ใจว่าทุกวันนี้ผู้ใหญ่ในสังคมหรือคนที่มีบทบาทในการดูแลเด็กๆหรือคนรุ่นต่อๆไป
ได้เรียนรู้เท่าทันสังคมด้านมืดเพียงพอรึยัง วันนี้ผมจะมาตีแผ่ บางส่วนของสังคมเกย์ด้านมืดกันให้ฟังครับ
เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์ให้ผู้ใหญ่บางท่านเอาไปดูแลบุตรหลาน หรือสร้างมาตรการอะไรในการดูแลลูกหลานของเราได้ครับ
พร้อมจะฟังรึยังครับ
โลกในด้านมืดของผม
เริ่มจากคำถามแรกครับทำไมเกย์ถึงติดเชื้อเยอะ
อันนี้ผมพอมีคำตอบในใจนะครับ
เพราะ ชาย หญิง ปกติ มีส่วนน้อยครับที่จะกล้ามีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ใส่ถุงยางอนามัยได้
เพราะเค้ากลัวปัญหาการตั้งครรภ์
ซึ่งสำหรับน้องผู้หญิงถ้าพลาด ตั้งครรภ์ขึ้นมาเนี่ย
กลายเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว คู่ชายหญิงส่วนมากจึงไม่กล้าพอที่จะเสี่ยงครับ
ผมเชื่อว่าถ้าชายหญิงมีเพศสัมพันธ์กันแล้วไม่ท้องล่ะก็
จำนวนผู้ติดเชื้อ ชายหญิง ปกติ กับเกย์ มีจำนวนใกล้เคียงกันแน่นอน
แต่กับกับกลุ่มเกย์ มันมีเปอร์เซนต์ในการเสี่ยงมากกว่า
สำหรับคนที่เป็นเกย์ทุกคนที่ติดเชื้อต้องกลับไปถามใจตัวเองว่าคุณเคยมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงยางอนามัยหรือเปล่าล่ะ เกย์บางส่วนจะเคยครับ
เพราะอะไร เพราะเค้าไม่กลัวท้องไง
ผมขอยกกรณีตัวอย่างอันหนึ่งครับ มีน้องคนนึงเคยมีอะไรกับนักศึกษามหาวิทยาลัยคนนึง ซึ่งเด็กคนนี้เป็นไบแมน มักมีเซกส์กับผู้หญิง และอยากลองมีเซกส์กับผู้ชาย จังหวะที่จะเข้าด้ายเข้าเข็ม น้องเกย์ก็ถามหาถุงยาง ว่าถุงยางล่ะครับ
เด็กผู้ชายคนนั้นก็ตอบแบบหน้าตาเฉย ไม่เป็นไรครับ...ผมแตกข้างนอก
!?!
งงมั๊ยครับ แตกนอกแตกในต่างกันตรงไหน
เกย์หนุ่มก็แอบคิดในใจ แตกข้างนอก.....อืม
คือกรูอ่ะกลัวเอดส์ ไม่ได้กลัวท้อง
แล้วจะแตกนอกหรือใน เนี่ยมันต่างกันอย่างไรอ่ะ
มันเป็นอย่างเงี้ยล่ะครับมีเซกส์กับเกย์เลยไม่กลัวท้อง
อ้าววววว แล้วเอดส์ล่ะไม่กลัวเหรอ
ก็คงกลัวบ้างนะครับ
แต่บางทีก็กลัวสนุกไม่เต็มที่ด้วย บางทีบางเวลาบางโอกาส กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มแล้ววววว
แต่มันไม่มีถุงอ่ะ
เอดส์ กับ อด จะเลือกอะไร
แต่ละคนจะตอบไม่เหมือนกันนะครับ
อยู่ที่ว่ารักชีวิตมากแค่ไหน และรักความเสี่ยงมากแค่ไหนเช่นกัน
ยิ่งทุกวันนี้ครับ ต้องยอมรับเลยว่าการระบาดของยาเสพติดมีมากจริงๆครับ
ตั้งแต่ผมโตขึ้นมา ผมว่ายุคนี้น่ากลัวสุดแล้ว
เด็กรุ่นราวอายุตั้งแต่ 17 ขึ้นไปถึงไวทำงานตอนต้น ใครไม่เคยลองยาเสพติดนี่แปลกมาก
มีหลากหลายประเภทและถูกสร้างเป็นความเท่ห์ในสังคมด้วยซ้ำ
ปัญหาที่ตามมาคือเพื่อคุณใช้ยาเสพติด สติในการควบคุมดูลตัวเองก็จะลดลง
ความกล้ามากขึ้น
ทุกวันนี้ยังมีเพื่อนผมบางคนที่ติดเชื้อและยังปาตี้ ใช้ยาเสพติด เซกหมู่ และยังหมู่แบบสดๆไม่ใส่ถุงอีกด้วยถามว่าเค้าตั้งใจจะแฟร่เชื้อรึเปล่า เปล่านะครับ
มันขึ้นอยู่กับคู่ที่เค้ามีเซกส์ด้วยครับ
สังเกตุสิครับคนที่รักตัวเองห่วงตัวเอง ร้อยทั้งร้อย ยังไงก็ใส่ถุงครับ
แค่ถุงแตกยังกังวล
ตรวจถุงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่กับคนที่กล้าที่จะสด นั่นก็เพราะเค้ากล้าที่จะเสี่ยง อันนี้น่ากลัวนะครับ
น่ากลัวเพราะเค้าแอบคิดว่าการเสี่ยงของเค้ามันยังมีเปอร์เซนต์ที่จะติดก็ได้ไม่ติดก็ได้
และเค้าคิดว่า
เค้าคงไม่ติดหรอก
อย่ากระนั้นเลย
ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีที่จะรอดไปทุกคนครับ
บางคนอาจจะมองว่าพวกที่มีเชื้อแต่ยังไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นแบบเสี่ยงๆนี่ผิด
ผมว่าไม่เสมอไปหรอกครับ
เพราะคนพวกนี้ไม่ได้ หลอกเจาะถุง ไม่ได้ตั้งใจอยากให้ใครได้รับเชื้อไปจากเค้าหรอกครับ
มันขึ้นอยู่กับคู่กรณีมากกว่า ถ้าคนๆนั้นรักชีวิต รู้จักป้องกัน ร้อยทั้งร้อยก็ปลอดภัย ให้อ้อนวอนยังไงก็ไม่ยอมเสี่ยง คนพวกนี้จะขี้วิตกครับ
ขนาดมีเซกส์กันอยู่ เจ็บจี๊ดๆที่ตัวอย่ากังวลว่าคนที่มีเซกส์ด้วย
จะเอาเข็มดูดเลือดไปฉีดใส่
T T ใครเค้าจะทำ
แต่คนไม่คิดไม่กังวล ไม่ห่วง ก้จะชิลล์มากครับ จะใส่ไม่ใส่ แตกนอกแตกใน ก็แอบมีหวังว่า ชั้นคงไม่โชคร้าย
สุดท้ายก็โชคร้ายจริงๆทุกที
แถมสมัยนี้ยังมีสถานที่ที่เอื้อให้มีเพซสัมพันธ์อีกมากมาย ซึ่งผมผ่านจุดนั้นมาหมดแล้ว
แต่ก่อนอื่นต้องขอกบอกว่าการที่ลุกขึ้นมาเล่า ณ จุดนี้หลายๆคนคงรู้ในสิ่งที่ผมกำลังบอกอยู่แล้ว
หลายๆคนอาจจะไม่พอใจหาว่าเอาเรื่องไม่ดีมาตีแผ่
ด้วยความสัตย์จริงครับ
ผมไม่ได้อยากดัง ไม่ได้อยากอวดว่าตัวเองเก่ง
แค่อยากให้เรื่องราวเหล่านี้ถูกบอกต่อไปสู่ทุกคนที่มีลูกมีหลานและกำลังเติบโต ในสังคมเหล่านี้
เพื่อจะได้วางแผนรับมือกับเรื่องเหล่านี้
จริงๆแล้วครอบครัวของผมก็เป็นครอบครัวนึงที่หวาดกลัว เรื่องพรรค์นี้มาก ที่บ้านผมจึงเลือกที่จะเลี้ยงดูผมแบบประคบประหงม แล้วเฝ้าติดตามตลอดเวลา
ไปรับ ไปส่ง
ประหนึ่ง เลี้ยงใส่กรงทองเลยครับ
แต่เราต้องรับความจริงครับ
การเลี้ยงเค้าในกรง พ่อแม่และครอบครัวไม่สามารถเอากรงไปครอบเค้าได้ตลอดชีวิต วันนึงที่เค้าหลุดออกจากกรงได้
เค้าจะออกไปทำ ไปทดลอง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เค้าขาด ที่เค้าไม่เคย
แล้วนั่นแหละ อาจจะเป็นโทษยิ่งกว่า
เพราะฉะนั้นคงเป็นภาระหน้าที่ของผู้ปกครองครับ ที่จะคิดว่าการเลี้ยงดูอย่างไรให้เด็กๆเค้าคิดเป็น เค้ามีอิสระ เค้ามีสติ น่าจะดีที่สุด
ยาวไปมั๊ยครับ
ตอนหน้าผมจะพาไปรู้จัก อีกหลายเรื่องครับ
การเล่นเน็ตหาคู่
Sex online
ซาวน่า
บาร์ออฟ
1 night stand

















