เกร็ดน่ารู้ดาราฮอลลีวูด ตอน 5

= ความลับของ ไบรอัน กับ เล็ตตี้ =
.
_____________________________
.
ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของ ไบรอัน กับ เล็ตตี้ ของกูคือ สองคนนี้แอบพลาดมีอะไรกันโดยที่ ดอม กับ มีอา สองพี่น้องโดนสวมเขา แต่พอรู้ว่ามันแค่อารมณ์ชั่ววูบพวกเขาต่างก็ขีดเส้นแบ่งเขตความสัมพันธ์ไม่ขอพูดถึงมันอีก
.
ทำไมกูมั่นใจน่ะเหรอ เพราะตลอดระยะเวลาที่หนังเรื่องนี้ดำเนินไปหลายภาค มีฉากที่ ไบรอัน พูดคุยกับ เล็ตตี้ โดยตรงเพียงแค่ฉากเดียวเท่านั้น ฉากเดียวจริงๆในภาค 6 คือฉากที่ ไบรอัน ขอโทษ เล็ตตี้ เรื่องส่งไปเป็นสายเพื่อล้วงความลับ ไอ้บราก้า จนเล็ตตี้เกือบตายแล้วสมองเสื่อม ภาคก่อนหน้านี้ไม่เคยมีซีนไหนที่มันคุยกันเลย
.
มันจึงน่าสังเกตว่าสองคนนี้แอบไปเป็นสายให้กันตอนไหน อะไร ยังไงโดยที่ทั้ง ดอม และ มีอา ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน แถมสองคนนี้ไม่เคยพูดคุยกันเลย มันผิดวิสัยสมาชิกร่วมแก๊ง หรือคู่เขยตระกูลโทเร็ตโต้ มากๆ มันจึงเข้าข่ายที่ว่าพูดไม่ได้ไอไม่ดังเพราะพลาดไปเด้ากันมาแล้ว และต่างคนต่างรู้สึกผิดต่อพี่น้องโทเร็ตโต้ เลยไม่พูดคุยกันซะยังดีกว่า แม้กระทั่งสบตากันก็ไม่เคยเลยสักซีนจนกระทั่งมาคุยมาสบตากันในภาค 6 นี่แหละ แถมเป็นการพูดคุยกับ เล็ตตี้ ตอนสมองเสื่อมแล้ว ไบรอัน มันคงคิดในใจ " สบายกูล่ะ อีห่านี่จำเ...้ยไรไม่ได้ กูจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิด และพูดคุยกับมันได้ตามปรกติ "
.
ในภาค 7 นี่ยิ่งชัดเลย เล็ตตี้ รีบตะบึงรถไปช่วย ไบรอัน ที่กำลังจะตกเขา แม้จะจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่จิตใต้สำนึกมันบอกว่า " นี่ก็ผัวกูคนนึง " ก็เลยเสี่ยงตายไปช่วย ลงรถมาก็ถามไบรอันว่า ไหวมั๊ย? ไบรอัน ทำหน้าตื่นๆเมื่อรู้ว่าที่มาช่วยนั่นคือกิ๊ก ก็ตอบสั้นๆว่า ขอบคุณ แล้วขึ้นรถไปด้วยกันเลย รถแม่งก็ฟิล์มด๊ำ...ดำ จะทึบไปไหน กูว่ามันรำลึกอดีตกันฉากนี้แหละ แฮ่กๆๆ
.
แล้วในบทหนังมันวางให้ ไบรอัน วางมือไปด้วย งี้ไอ้ไบรอันก็สบายตัวลอยลำเลยน่ะสิ ทำทีเป็นวางมือไปดูแลลูกเมีย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้บอกครอบครัวจะไม่ทิ้งกัน สาเหตุหลักจริงๆที่มันวางมือไปเพราะ อีเล็ตตี้ มันได้ความจำกลับมาแล้วไง แม่งเลยเนียน เดี๋ยวอีเล็ตแม่งปากเปราะ ก็โดนไอ้ดอมกระทืบเอาสิวะ มันเลยวางมือไป
.
สุดท้ายนี้ขอตัวไปแดกยาก่อนนะ หมอสั่งไว้ห้ามขาดยาเด็ดขาด อาการมันจะกำเริบเอาได้ บาย.....

= สุภาพบุรุษมาเฟียในหนัง ผู้มีพ่อเป็นเกย์ =
.
__________________________________
.
พ่อกับแม่ผมแยกทางกันตั้งแต่ผมยังเด็กๆ เพราะพ่อผมท่านเป็นเกย์ และตราบใดที่ท่านยังทำหน้าที่พ่อได้ดีมากๆผมไม่อายเลยที่จะบอกว่าพ่อผมเป็นเกย์ ท่านทนทุกข์ทรมานจากการเป็นเกย์มากๆเพราะยุคสมัยของท่านนั้นผู้คนยังปิดกั้นเพศทางเลือก มีการหยามเหยียดเรื่องเกย์พอๆกับพวกเหยียดผิว และท่านต้องทนรับแรงกดนั้น เพราะถูกมองว่าเป็นเกย์ที่มาหลอกลวงคุณแม่ของผม
.
ผมกับพ่อไม่ใช่พ่อลูกที่จะใช้เวลาว่างเล่นเบสบอลด้วยกัน แต่ท่านก็รักผมมาก ท่านสอนผมในทางของท่าน เรื่องศิลปะ คือเรื่องที่ท่านใส่ใจปลูกฝังให้ผม ท่านเป็นศิลปินที่วาดภาพได้มีเอกลักษณ์มากๆในยุคสมัยนั้น ทุกวันนี้บ้านของท่าน กับ สตูดิโอที่ท่านทำงานแถวๆโซโห ผมเก็บมันไว้อย่างเดิมและให้คนไปทำความสะอาดอยู่เสมอๆ มันคือทางเดียวที่ผมจะเก็บท่านไว้ในความทรงจำ
.
ผมมีแผนที่จะสร้างหนังเกี่ยวกับท่าน เพราะผมไม่รู้ว่าบ้านและสตูดิโอของท่านจะยังอยู่ได้นานสักเท่าไหร่ ผมเลยคิดที่จะทำชีวิตท่านให้เป็นหนัง มันจะอยู่ได้เป็นอีกร้อยๆปี โครงการหนังสารคดี Remembering the Artist: Robert De Niro Sr. จึงเริ่มขึ้น
.
พ่อเป็นศิลปินที่ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้รับการยอมรับ และต้องต่อสู้ในฐานะเกย์คนหนึ่ง ท่านโดนปาขวดใส่บ้านท่านบ่อยมาก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะขนาดเจ้าหน้าที่บ้านเมืองยังเห็นด้วยกับการเหยียดเพศ ดังนั้นต่อให้ศิลปินผู้นั้นจะเก่งกาจแค่ไหน หากคนรู้ว่าเขาเป็นเกย์ ผู้คนมักจะมองศิลปินคนนั้นต่ำตมลงมาทันที แต่พ่อผมผ่านอะไรแบบนั้นมาหมดแล้ว และได้เป็นที่ยอมรับในท้ายที่สุด พ่อตายในปี 1993 ผมคิดว่าท่านเป็นคนที่ใช้ชีวิตได้เหนื่อยเหน็ดจริงๆ และผมดีใจที่ก่อนท่านจากไป ท่านยังได้ใช้ชีวิตอยู่ในยุคที่การเหยียดเพศน้อยลงมาก
.
__________________________
.
โรเบิร์ต เดอ นีโร่ พูดถึง โรเบิร์ต เดอ นีโร่ ซีเนียร์ พ่อของเขา และเจ้าหนูในรูปนี้แหละคือสองพ่อลูกในบทความนี้ และหนังเรื่อง Remembering the Artist: Robert De Niro Sr. ได้ฉายในช่อง HBO เมื่อปี 2014

= เจค ผู้อาภัพกับหนังฮีโร่ =
.
__________________________
.
ในวันที่ โทบี้ แม็กไกวร์ บาดเจ็บที่หลังก่อนที่จะมีการเปิดกล้องถ่ายทำ Spiderman 2 เจค กิลเลนฮาล คือตัวเลือกที่ถูกเสนอให้รับบท ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ แทนโทบี้หนึ่งภาค เพราะทั้งคู่มีใบหน้าที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน ในระหว่างที่เจคฟิตซ้อมร่างกายเพื่อห้อยโหนโจนทะยานตามวิถีแมงมุมหนุ่ม โทบี้ กลับมาหายจากอาการเจ็บหลังเป็นปลิดทิ้งก่อนการถ่ายทำแค่หนึ่งเดือน โทบี้ ได้บทไอ้แมงมุมกลับมา 5 ปีต่อมา สองคนนี้ได้แสดงเป็นพี่น้องกันจริงๆใน Brothers หนังของ จิม เชอริแดน เพราะผู้กำกับจิมให้เหตุผลว่ามักจำสองคนนี้สลับกันบ่อยๆ จึงจับมาเล่นด้วยกันซะเลย
.
เจค เบนเข็มไปทดสอบบท BATMAN ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน เขาเสียบท บรู๊ซ เวย์น ให้แก่ คริสเตียน เบล ไป ไม่นานนัก เจค ได้ปะทะบทบาทกับ ฮีธ เลดเจอร์ ในหนัง Brokeback Mountain แม้เขาจะพลาดบท บรู๊ซ เวย์น ไป แต่เขายังมีหวังที่จะได้บท โจ๊กเกอร์ ในภาค 2 ของหนังเรื่องนี้ แต่เป็น ฮีธ เลดเจอร์ ที่ชิงได้บท โจ๊กเกอร์ ไป
.
ปี 2007 เจค ต้องปะทะบทบาทกับ โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ ในหนัง เดวิด ฟินเชอร์ อย่าง Zodiac ความหวังในหนังซูเปอร์ฮีโร่ยังไม่จบสิ้น เจค เข้าทดสอบบทฮีโร่ Marvel เรื่อง Ironman และเป็น โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ ที่เฉือนได้บทนี้ไป
.
เจค กล่าวติดตลกว่า
.
" ยังดีที่ผมไม่ได้ไปทดสอบบท Hulk อีกเรื่อง เพราะ มาร์ค รัฟฟาโล่ ก็เล่นหนัง Zodiac กับผมด้วยเช่นกัน และหลายปีต่อมาถ้าผมกับเขาแย่งบท Hulk กันอีก ผมเชื่อว่าเขาคงเอาชนะผมไปเหมือนๆกับทุกคนนั่นแหละ "