แหวกม่านฮอลลีวูด ตอน 2

— แนวคิดหื่นๆของ อีธาน ฮอว์ค —
____________________
.
" คุณจะเห็นได้เลยว่า มีผู้นำประเทศตั้งหลายคนที่ชอบจะมีเซ็กส์กับผู้หญิงหลายคนมากกว่าจะซื่อตรงแบบพวกมีผัวเดียวเมียเดียว อย่าง มาร์ติน ลูเธอร์ คิง หรือ จอห์น เอฟเคนเนดี้ ก็ทั้งนั้นแหละ "
.
แนวคิดหื่นๆของ อีธาน ฮอว์ค พระเอกดังซึ่งออกมาพูดหลังหย่าเมียดาราสาว อูม่า เธอร์แมน แล้วต่อมาก็ค้นพบว่าเขาได้แอบมีสัมพันธ์สวาทกับ ไรอัน ชอว์ฮิวจ์ส พี่เลี้ยงเด็กที่เขาจ้างมาเลี้ยงลูกของเขาที่เกิดกับ อูม่า ซึ่งต่อมาก็เป็น แม่สาวพี่เลี้ยงเด็ก ไรอัน นี่แหละที่ได้จดทะเบียนสมรสกับ อีธาน ตกแต่งเป็นเมียคนใหม่แทนที่ อูม่า ที่ปรี๊ดแตกเสียเหลี่ยมให้นังแพศยาที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยสัก
.
" ถ้าวันนั้นเธอสวมเสื้อกล้ามไปสมัครงาน ฉันคงไม่ไว้วางใจให้แม่นั่นมาเลี้ยงลูกฉันอย่างแน่นอน อีธาน คงพิศวาสรอยสักเหล่านั้นของเธอ แต่ฉันก็อวยพรให้เขาโชคดีกับชีวิตใหม่ "
.
อูม่า แอบจิกกัดเล็กๆถึงผัวเก่าและชู้รัก
.
จริงๆมีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับความสัมพันธ์ร้าวๆของ อีธาน กับ อูม่า มานานก่อนที่พวกเขาจะจ้าง ไรอัน มาเลี้ยงลูกเสียอีก นั่นคือการร่วมงานระหว่าง อูม่า กับ ผู้กำกับฯดัง เควนติน ทาแรนติโน่ ทำให้อีธานหวาดระแวงในความสัมพันธ์ของอูม่าและผู้กำกับที่มันน่าจะเกินเลยกว่าคำว่า เพื่อน แต่ความจริงก็คือความจริง ไม่มีอะไรในกอไผ่ในความสัมพัธ์ของ อูม่า กับ เควนติน พวกเขาคือเพื่อนที่บริสุทธิ์ใจต่อกัน
.
แต่ในฝั่งอีธานเองต่างหากที่มีแนวคิดที่กักขฬะ แอบมีสัมพันธ์ลับๆกับพี่เลี้ยงเด็กไม่พอ เขาก็มีข่าวว่าเคยควบกันสนั่นกองถ่ายหนัง Taking Lives ซึ่งนางเอกก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นนางพญาบ้านแตก แองเจลิน่า โจลี่ ที่ร่วมงานกับใครเป็นต้องมีอะไรกับพระเอกหนังเรื่องนั้นอยู่เสมอๆ แต่เมื่อกองถ่ายปิดกล้อง พวกเขาก็ยุติความสัมพันธ์แบบขำๆ อีธาน เองก็แอบมาโจ๊ะพรึมๆกับพี่เลี้ยงเด็กที่บ้านอันนำมาซึ่งการหย่าร้างในที่สุด
.
อีธานเริ่มสอดส่ายหาความสัมพันธ์ใหม่หลังจากหย่ากับอูม่า แล้วก็เป็น เจน เพอร์โซว์ นางแบบคนนั้นที่เข้ามาควงกับอีธานอยู่พักใหญ่ๆ แต่ไม่รู้ไปทำอีท่าไหน เขาประกาศแต่งงานใหม่กับพี่เลี้ยงเด็กอย่าง ไรอัน เฉยเลย ท่ามกลางความงุนงงของทุกๆคนว่าทำไม อีธาน จึงตกลงปลงใจกับอีสาวรอยสักคนนี้ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็มีแนวคิดที่สุดโต่งเรื่องเพศสัมพันธ์ เขาน่าจะครองตัวโสดแล้วมีเซ็กส์ไปเรื่อยดีกว่าไหม
.
ไม่มีใครเดาใจพ่อหนุ่มรักเร่คนนี้ได้ แต่เขาได้จรดปากกาเซ็นต์ทะเบียนสมรสไปแล้ว และดูเหมือนว่า ไรอัน อดีตพี่เลี้ยงเด็กซึ่งในตอนนั้นเป็นคุณนายฮอว์คไปแล้วก็มีความสุขและความเข้าใจกันกับสามีดี เขาควง ไรอัน ออกงานจนชาวบ้านร้านช่องรู้กันดีว่านี่คือคนที่ปราบตัวพ่ออย่าง อีธาน ฮอว์ค ได้อยู่หมัด อีธาน รับงานน้อยลงเพื่อใช้เวลาอยู่กับหญิงที่เขารัก แม้ว่าเธอจะมาจากสถานภาพชู้รักมาก่อน แต่เขาก็รักเธอหมดใจ และมีลูกด้วยกัน 2 คน
.
จนกระทั่งล่วงเลยมา 6 ปี เขาเหมือนหมดรักที่มีต่อ ไรอัน ไปดื้อๆ ไม่มีใครรับรู้สาเหตุที่แท้จริงได้ ตัวไรอันเองก็ค่อนข้างงุนงง เพราะเธอเองก็เป็นภรรยาที่ดีมาโดยตลอด อีธาน กลับมาบ้างานมากขึ้น หนังน้อยใหญ่เขารับเล่นหมดทุกบทบาท นั่นเพราะวงในบอกว่า เขาไม่อยากเห็นหน้าเมีย เขาเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตคู่จนถึงขั้นเลือกที่จะอยู่ไม่ติดบ้าน
.
แนวคิดที่ว่า " ผัวเดียวเมียเดียวมันล้าสมัยไปแล้ว " กลับเข้ามาในหัวเขาอีกครั้ง และรอวันประทุ อย่างไรก็ดีในตอนนี้ดูเหมือนว่าเขายังไม่ได้หย่าขาดจากภรรยาและออกงานด้วยกันอยู่บ่อยๆ แต่การที่เขามักให้สัมภาษณ์สื่อในทำนองเดียวกันหมดถึงเรื่องที่เขาไม่เห็นด้วยกับผัวเดียวเมียเดียว มันเหมือนยิ่งบีบให้เมียสุดที่รักอย่างไรอันอดรนทนไม่ไหวและเป็นฝ่ายขอเลิกไปเอง แต่เธอยังอดทนมันเพื่อลุกสาวทั้งสองของเธอ
.
ฝั่ง อูม่า เธอร์แมน ก็ได้แต่นั่งรอนอนรอคอยความฉิบหายของอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ ผัวตัวดีที่เธอแย่งฉันไปมันกำลังจะทิ้งเธอไปนะยัยพี่เลี้ยงเด็ก บอกแล้วว่าหมอนั่นมันมีความคิดห่วยแตก กรรมตามสนองเธอเข้าแล้วล่ะ

– คำทำนายของไทเลอร์ เดอร์เด้น –
__________________________
หนึ่งในความประทับใจของผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่อง Fight Club นอกเหนือจากการแสดงอันสุดยอดของดารานำแล้วนั้น บทสนทนาและสปีชต่างๆ ที่ออกจากปากไทเลอร์ เดอร์เด้น ตัวละครที่แบรด พิตต์ รับบทบาท ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กันจนถูกนำมาพูดถึงเสมอๆ นอกเหนือจาก “กฎของไฟต์คลับ” ที่แฟนๆ จะจำติดหูกันได้ดีแล้ว สปีชปลุกใจของไทเลอร์ที่ว่า
.
“ให้ตายสิพระเจ้า ดูคนรุ่นเราสิ เราเป็นเด็กปั๊ม เด็กเสริฟ เป็นทาสออฟฟิศ โฆษณาบอกให้เราซื้อรถและเสื้อผ้า ทำงานที่เราเกลียดเพื่อซื้อสิ่งของที่เราไม่ต้องการ เราเป็นเด็กยุคกลางของประวัติศาสตร์ ไม่มีที่ให้กับเรา เราไม่มีสงคราม ไม่มีวิกฤติใหญ่ สงครามสำหรับเราคือสงครามทางจิตวิญญาณ วิกฤติใหญ่ของเราคือชีวิตของเราเอง เราถูกทีวีกล่อมให้เชื่อว่าวันหนึ่งเราจะเป็นเศรษฐี เป็นดาราหนัง หรือเป็นร๊อคสตาร์ แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น เราค่อยๆ เรียนรู้ถึงความจริงข้อนี้อย่างช้าๆ มันให้เราโกรธ โกรธเอามากๆ”
.
ถ้าย้อนกลับไปดูฉากนี้อีกครั้ง ในตอนที่แบรด พิตต์ พูดคำว่า “ร๊อคสตาร์” ออกมา เขาหันหน้าไปทางจาเร็ด เลโต้ นักแสดงประกอบอีกคนในหนังเรื่องนี้ที่กำลังฟอร์มวง 30 Seconds to Mars วงดนตรีร๊อคของเขาขึ้นพอดีในปีนั้น ในตอนที่ถ่ายทำอยู่ และแบรด พิตต์ ออกเสียงคำว่า "rock star" แบบไม่เติม s ราวกับต้องการเจาะจงที่ตัวจาเร็ดโดยเฉพาะ
.
ไม่รู้ว่าเป็นการทำนายทายทักล่วงหน้าจากไทเลอร์ เดอร์เด้น หรือจะเป็นการเจิมกันผ่านจอภาพยนตร์หรือเปล่า แต่หลังจากนั้น 30 Seconds to Mars ของจาเร็ดก็ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจนถึงขนาดได้รางวัลแผ่นเสียง platinum ไปครองกันเลยทีเดียว
.
.

คลิปของฉากนั้น