หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ฆาตกรโรคจิตที่ก่อคดีได้สั่นประสาทมากที่สุด!!

โพสท์โดย SpiderMeaw

สำหรับเรา..ขอยกให้ซาตานตนนี้เลยค่ะ
Jeffrey Dahmer เกย์โหดโครตคลั่งศพ!!

เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ เกย์กินคนที่เป็นคดีที่โด่งดัง เป็นฆาตกร ที่นักจิตวิทยาอาญาให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ในการเลี้ยงดูบุตรและสาเหตุของความผิดปกติของการเสพติดการกินเนื้อคน





                 เรื่องราวความเป็นมาของ เจฟฟรีย์ นั้นเริ่มต้นจากความวิปลาสและจบชีวิตลงอย่างวิปริต มันคือฝันร้ายของฆาตกรหน้าหยกที่ในที่สุดก็ถูกฆ่าอย่างทารุณด้วยการ "ถูกสอดด้ามไม้กวาดยาวเกือบ 3 ฟุต ทะลวงเข้าทวารหนัก" พร้อมกระหน่ำตีด้วยด้ามเหล็กเครื่องออกกำลังกายจนสมองแหลกเหลวและทำให้เขา "ตายคาที่" ลมหายใจของ เจฟฟ์ ดับสูญไปแล้ว แต่เรื่องราวของเขากำลังเริ่มเปิดฉากขึ้น
                 


              



                เรื่องจริงอันน่าสยดสยองเรื่องหนึ่งถูกเปิดเผยขึ้นในคืนวันที่ 22 กรกฎาคม ปี 1991 เมื่อตำรวจสายตรวจแห่งเมืองมิลวอกี้ ได้เข้าตรวจสอบห้องพักหมายเลข 213 ของอ็อกฟอร์ด อพาร์ทเม้นท์ ทันทีที่ย่างกรายเข้าไป พวกเขาได้พบกับห้องพักที่สะอาดเอี่ยม แต่มีกลิ่นเหม็นเน่าอย่างร้ายกาจ ผนังห้องประดับด้วยภาพถ่ายของศพที่ถูกกระทำอย่างวิปริต ในตู้เย็นเต็มไปด้วยศีรษะมนุษย์ หม้อทำกับข้าวมีแขนขามนุษย์ถูกตุ๋นจนเปื่อย และเครื่องตกแต่งที่ทำขึ้นจากหัวกะโหลก เจ้าของห้องคือ นายเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ผู้ช็อกโลกด้วยฉายา “ฆาตกรกินคน”



 



                เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์เกิดเมื่อ 21 พฤษภาคม 1960 ในครอบครัวที่ร่ำรวยเเละการศึกษาสูง เป็นบุตรชายคนโตของ ไลโอเนลและจอยส์ ดาห์เมอร์ ซึ่งในขณะนั้น ไลโอเนลผู้เป็นพ่อยังเป็นนักศึกษาในมหาลัยอยู่ ซึ่งภายหลังไลโอเนลได้กล่าวในหนังสือของเขาว่า "ในตอนนั้น พวกผมคงยังไม่พร้อมจะมีลูก" จอยส์แพ้ท้องอย่างรุนแรงและกินยาต่างๆ วันหนึ่งถึง 26 เม็ด หลังจากที่เจฟฟรีย์เกิดมา ไลโอเนลก็ทุ่มตัวให้กับการเรียนจนได้ปริญญาบัตรดอกเตอร์ด้านการวิจัยเคมีในปี 1966 ทางด้านจอยส์นั้น จากเดิมที่มีอาการประสาทอ่อนๆ สภาพจิตใจของเธอก็ไม่ปกตินักมาตลอด เนื่องจากความเครียดจากการเลี้ยงบุตร และมีการทะเลาะกับไลโอเนลบ่อยครั้ง เมื่อเธอท้องลูกคนที่สองก็ทานยาจำนวนมากอีกและต้องนอนอยู่เกือบตลอดเวลา วัยเด็กของเจฟฟรีย์จึงเติบโตมาพร้อมกับมารดาซึ่งมี อาการฮิสทีเรีย กับบิดาซึ่งยุ่งอยู่กับการวิจัยจนไม่ได้ใส่ใจครอบครัว





                 เจฟฟรีย์ในวัยเด็กเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวและชอบอยู่คนเดียวในป่าใกล้บ้านมากกว่าออกไปเล่นกับเด็กคนอื่น เขาติดใจในชุดทดลองวิทยาศาสตร์ที่พ่อซื้อให้ และเอาศพของสัตว์ตัวเล็กๆ มาละลายด้วยกรดหรือดองฟอร์มาลีนบ่อยๆ  



                  เมื่ออายุได้ 4 ปี เจฟฟรีย์ สนใจในงานอดิเรกของพ่อเป็นพิเศษ นั่นคือการสะสมกระดูกและชิ้นส่วนของสัตว์สตาฟ เขาชอบเล่นโครงกระดูกแทนการเล่นตัวต่อพลาสติก พออายุได้ 6 ปี เจฟฟรีย์ต้องเข้าผ่าตัดด้วยโรคอัณฑะไม่เท่ากัน และหลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นเด็กขี้อายและเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง จนกระทั่งอายุได้ 15 ปี เขาเริ่มมีงานอดิเรกแปลกๆ คือ ชอบสะสมอวัยวะของสัตว์ที่ตายแล้วโดยดองไว้ในถังพลาสติก บางครั้งก็เดินเก็บซากสัตว์มาฝังไว้ในสุสานส่วนตัว หรือตัดหัวสุนัขมาเสียบไม้เล่น


 


                เมื่อเข้าชั้นมัธยม เจฟฟรีย์ถูกจับตามองว่ามีไอคิวสูง แต่เนื่องจากสภาพจิตใจที่ไม่ปกตินักและการขาดสมาธิ ทำให้ผลการเรียนจึงไม่ดีเท่าที่ควร หนำซ้ำเขายังก่อเรื่องมากมายจนถูกตีตราว่าเป็นเด็กมีปัญหา และในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ของบิดามารดาก็แย่ลงเรื่อยๆ จนมีการใช้เชือกแบ่งอาณาเขตในบ้านก่อนที่ทั้งสองจะหย่ากัน เมื่อเจฟฟรีย์ มีอายุได้ 18 ปี นั่นทำให้เขาอ้างว้างยิ่งขึ้น เขาเริ่มออกเที่ยว ดื่มเหล้า ติดยาเสพติด และต้องถูกพักการเรียน สร้างความเป็นทุกข์ให้กับผู้เป็นพ่ออย่างมาก ปีนั้นเองที่เขาได้ฆ่าคนเป็นครั้งแรก



              

  ในช่วงนี้ เจฟฟรีย์กำลังจะเรียนจบชั้นมัธยม น้องชายของเขาไปอยู่กับแม่ที่ย้ายออกไปแล้ว บ่อยครั้งที่ในบ้านจะมีเขาอยู่เพียงลำพัง และในขณะเดียวกันเจฟฟรีย์ก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเป็นเกย์ เขากลุ้มใจ ด้วยขนาดเพื่อนยังไม่มีเลย แล้วจะไปหาคนรักมาจากไหน เจฟฟรีย์เริ่มจินตนาการถึงคนรักในความคิด..คนรักที่ไม่ทรยศ ไม่ต่อล้อต่อเถียงและไม่หนีไปจากเขา ซึ่งภาพในจินตนาการนั้นยิ่งนานก็เหมือนศพมากกว่าคนเป็นๆ เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ชอบผู้หญิงแต่ชอบผู้ชายด้วยกัน และชอบถึงขั้นที่จะเสพเซ็กซ์ด้วยอย่างเมามัน และเขาเองก็ไม่อาจระงับใจได้เมื่อพบกับหนุ่มๆ หรือเด็กชายหน้าตาดีที่ถูกอกถูกใจของเขาเหลือเกิน



              ท้ายที่สุดเขาคิดว่าการเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยน่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น จึงได้หาทางเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตท ยูนิเวอร์ซิตี้ (Ohio State University) ซึ่งก็สร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับเขาแค่เทอมแรกเทอมเดียวที่เข้าเรียนเท่านั้น เจฟฟ์ขอดร็อปการเรียนในเทอมต่อไป และไม่ได้กลับไปเรียนอีกเลยหลังจากนั้น และเป็นเรื่องที่ทำให้พ่อของเขารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก



                

ฆ่าหนึ่งศพต่อหนึ่งสัปดาห์ เจฟฟ์นั้นเป็นฆาตกรโหดอยู่แล้วหลังจากมีประสบการณ์ร้ายๆ สะสมเพิ่มมากขึ้นทุกที แต่ในช่วงปี ค.ศ. 1991 นั้นเป็นช่วงที่เขากระหน่ำสังหารเหยื่อมากกว่าครั้งไหนๆ และถือเป็นการสร้างสถิติใหม่ รวมทั้งทำลายสถิตินักฆ่าต่อเนื่องรายอื่นๆ อย่างยับเยินด้วยการฆ่าหนึ่งศพต่อหนึ่งสัปดาห์ เขายังคงออกล่าและสังหารเหยื่อต่อไป ร่างของเหยื่อจะถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ ราดด้วยน้ำกรดและน้ำยาเคมี เนื้อถูกย่อยสลาย ส่งกลิ่นร้ายกาจเช่นเดียวกับกระดูกที่ถูกกัดจนเป็นสีดำ จากนั้นก็เก็บมาดูเล่น ยังมีกะโหลกที่ถูกทาสีเทาและองคชาตที่ดองเก็บไว้ ในโหลช่วยเพิ่มความสุนทรีย์ยิ่งขึ้น และเพื่อความสะใจ เขาก็เริ่มกินศพด้วย หลังจากฆ่าปาดคอแล้วผ่าท้องศพในห้องน้ำ ข่มขืนศพ เนื้อส่วนหนึ่งถูกนำมาทำเป็นสเต็ก เขาใช้ยานอนหลับกับเหยื่อเพราะกลัวการปฏิเสธจากอีกฝ่าย และเพื่อจะได้มาซึ่งคนรักที่ไม่ทรยศ ไม่ปฏิเสธและไม่หนีไปไหน



                ต่อมาเจฟฟรีย์ก็วิวัฒนาการขึ้นไปอีกขั้น เขาตัดสินใจจะสร้างซอมบี้ขึ้นมาด้วยการผ่าตัดสมอง โดยการให้ดื่มยานอนหลับแล้วเขาก็เจาะศีรษะด้วยสว่านแล้วกรอกกรดเกลือลงไปในสมอง เหยื่อตื่นขึ้นมาร้องโวยวาย เขาจึงบีบคอฆ่าทิ้งเสีย บางรายเขาตัดหัวของเหยื่อมาต้มในหม้อจนหนังหัวหลุดออก และนำมาทาสีให้เป็นสีเทา จากนั้นก็ตั้งไว้ดูเล่นในห้อง บางครั้งครึ้มอกครึ้มใจ ก็สำเร็จความใคร่กับหัวกะโหลกนั้นด้วย จนกระทั้งยุติกับเหยื่อรายสุดท้ายในคืนวันที่ 22 กรกฎาคม 1991


        


ท่ามกลางหลักฐานต่างๆ ที่พบนั้น สิ่งที่ยืนยันว่าเจฟฟ์ "กินเนื้อ" เหยื่อแต่ละคนในลักษณะที่ไม่ใช่ "แค่ชิม" แต่เป็นการกินกันเป็นหลักเลยก็คือจำนวนชิ้นเนื้อมากมายที่ถูกหั่นและแล่เพื่อนำไปเก็บไว้ในตู้เย็น แสดงว่าเจฟฟ์มี "อาหารหลัก" เป็น "เนื้อมนุษย์" และคาดว่าคงทำแบบนี้มาแล้วหลายปี



"ดิฉัน แอน ชวาร์ทซ์ ผู้สื่อข่าว รายงานสดจากออกซ์ฟอร์ด อพาร์ตเมนต์ ห้อง 213 มิลวอกี ขอย่ำว่าดิฉันมาถึงที่นี้เป็นคนแรก ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังไม่กั้นเป็นพื้นที่เขตห้ามเข้า จากที่ได้เดินไปยังห้องหมายเลข 213 ดิฉันพบว่าภายในห้องเล็ก ๆ สะอาดเรียบร้อยมาก ตั้งแต่พื้นเตียงนอนเลยที่เดียว แม้แต่ตู้ปลาก็ใสสะอาดตัดกับกลิ่นเหม็นเน่าที่ตลบอบอวลไปหมด ที่มาของกลิ่นนี้ พบว่าเป็นตู้เย็นที่ใส่ศีรษะมนุษย์ไว้ถึง 3 หัว ผลึกไว้ในถุงพลาสติกอย่างแน่นหนา เจ้าของห้องพยายามดับกลิ่นนี้ด้วยการใส่โซดาปิ้งขนมปังเอาไว้หลายกล่องด้วยกัน นอกจากนี้เมื่อเปิดฝาดูในหม้อทำกับข้าวก็พบมือและอวัยวะเพศชายที่ถูกสับเป็นชิ้นๆ และเริ่มเน่าเปลือยแล้วด้วยภายในห้องน้ำมีกะโหลกศีรษะ 2 หัววางไว้บนชั้น มีเหยือกแก้วใส่อวัยวะเพศชายดองไว้ด้วฟอร์มาลดีไฮด์ มีภาพโพลารอยด์จำนวนมากในท่วงท่าต่างๆ ของเหยื่อที่เสียชีวิต มีทั้งภาพหัวคนตัดสดๆ วางอยู่ในอ่างล้างจาน 

ภาพลำตัวที่ถูกตัดตั้งแต่คอลงไปถึงต้นขา รูปกระดูกเชิงกราน บางภาพเป็นรูปเหยื่อที่พันธนาการเอาไว้ก่อนเสียชีวิต
ดิฉันได้ยินเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนพูดว่า นี้เป็นคืนนรกแตกโดยแท้"







ถังกรดเกลือของเจฟฟรีย์ หลังจากเขาฆ่าแล้วก็ละลายด้วยกรดเช่นทุกที  


                 ผู้พิพากษาตัดสินว่าดาห์เมอร์ผิดจริงจากจำนวนเหยื่อ 15 ราย (เชื่อกันว่าตัวเลขเหยื่อจริงสูงกว่านี้) หลังจากนั้น 2 วัน บรรดาญาติของเหยื่อตางรอกันประหารชีวิตดาห์เมอร์ เเต่ฎหมายของรัฐวิสคอนซินไม่มีการลงโทษประหารชีวิต เขาถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 957 ปี มีการหาสาเหตุกันว่าอะไรดลใจให้ดาห์เมอร์ก่อเหตุฆาตกรรม อันน่ากลัวนี้ได้ ดาห์เมอร์ กล่าวว่าเขากำลังสร้าง "ทาสทางเพศผู้ซื่อสัตย์" เขาฆ่าเหยื่อเพราะไม่ต้องการให้เหยื่อไปจากเขานั่นเอง จิตแพทย์กล่าวว่า เขาอาจเป็นคน 3 บุคลิก อันเกิดจากความรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มั่นคงในวัยเด็ก


 

..
..
                25 พฤศจิกายน 1994 เวลา 9.11 น. -- นักโทษชายเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำความสะอาดห้องน้ำใกล้กับโรงยิมออกกำลังกาย เมื่อเงยหน้า แว่บหนึ่งเขาก็เห็นแท่งเหล็กที่ถอดจากเครื่องออกกำลังกายพุ่งเข้ามาหา มันทิ่มเข้าไปในกะโหลกศีรษะเต็มแรง ด้วยน้ำมือของนักโทษคู่อริ....เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ตายคาที่
..
..
เเล้วของเพื่อนๆ หล่ะคะ คิดว่าฆาตกรรายไหน โรคจิตสุดๆ !!!



หนังที่สร้างจากเรื่องจริงของ Jeffrey Dahmer


 

เพิ่มเติมข้อมูลเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย



มิถุนายน 1975 -- ขณะที่ เจฟฟรีย์ ขับรถอยู่ เขาได้รับคนโบกรถกลางทางชื่อ สตีเวน ฮิคส์ เขาพากลับมาที่บ้าน ในขณะที่ไม่มีใครอยู่พวกเขาดื่มเบียร์และมีเซ็กซ์กัน เจฟฟรีย์ได้รับความสุขที่ไม่เคยมีมาก่อน และผันตัวเป็นเกย์เต็มขั้นในเวลาต่อมา แต่เมื่อ ฮิคส์ ขอตัวกลับ เจฟฟรีย์ รู้สึกกำลังจะถูกทอดทิ้งอีกครั้ง เหมือนที่พ่อแม่ทำกับเขามาแล้ว เขาคว้าดับเบลยกน้ำหนักตีที่หัว ฮิคส์ จนเสียชีวิต จากนั้นก็หั่นศพเป็นท่อนๆ ใส่ถุงขยะและเอาไปฝังในป่าหลังบ้าน นับเป็นครั้งแรกที่เจฟฟรีย์ตัดสินใจเป็นเกย์และเป็นฆาตกรฆ่าคน

สิ้นปีเดียวกัน  -- เจฟฟรีย์ ได้สมัครเป็นทหารและไปประจำกับเยอรมัน แต่ไม่กี่ปีต่อมาเขาก็ถูกกองทัพปลดออกด้วยข้อหาติดสุราเรื้อรัง เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาระบายความโกรธโดยรีบขุดศพของ ฮิคส์ ขึ้นมาแล้วใช้ค้อนทุบให้แหลกและโยนทิ้งในป่าราวกับขยะ

เดือนกันยายน 1986 --  เจฟฟรีย์ ถูกจับในข้อหาโชว์ของลับและสำเร็จความใคร่ด้วยมืออวดเด็กชาย 2 คน
เขาโดนทัณฑ์อยู่หนึ่งปีก็พ้นโทษ

เดือนกันยายน 1987 --  เจฟฟรีย์ รู้จักพนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งชื่อ สตีเวน โทอูมิ ที่บาร์เกย์แห่งหนึ่ง หลังจากทั้งคู่ดื่มกันหนักก็พากันไปหาความสำราญที่ห้องพักของโทอูมิ จากคำรับสารภาพของ เจฟฟรีย์ ภายหลังว่า เขาจำไม่ได้ว่าฆ่าโทอูมิอย่างไร รู้แต่ว่าเมื่อตื่นขึ้นมาโทอูมิก็สิ้นลมแล้ว เขากลัวความผิด จึงนำร่างนั้นใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ จากนั้นนำไปยังบ้านของยายที่เขาพักอาศัยอยู่ และเริ่มกระทำชำเราทางเพศกับศพ เมื่อเสร็จสมก็หั่นออกเป็นชิ้นๆ และโยนใส่ถังขยะ

ยังไม่ถึง 3 เดือน --  เจฟฟรีย์ ก็สอดส่ายหาเหยื่อหน้าบาร์เกย์ จนกระทั้งเห็นเด็กชายอายุ 14 ปี ชื่อ เจมี่ ด็อกซ์เตเตอร์ เจฟฟรีย์ หลอกล่อว่าจ่ายเงินให้ถ้ายอมไปกับเขาเพื่อให้เขาถ่ายรูปลามกเก็บไว้ น่าสงสารเด็กน้อยเจมี่ที่ต่อมาถูกวางยาและถูกหั่นศพ

หน้าร้อนในปีต่อมา  --  เจฟฟรีย์ สามารถทำการพิศวาสฆาตกรรมได้อย่างน้อย 4 ราย แต่เจ้าตัวไม่ทราบว่าเป็นใครบ้างและสภาพศพ แทบจำไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่น่าแปลกที่ยายของเขาไม่ระแคะระคายอะไรเลย

25 กันยายน 1988  --  เจฟฟรีย์ ย้ายเข้ามาอยู่พาร์ตเมนต์ในเมืองมิลวอกี้ เมื่อย้ายมาอยู่มาได้ไม่นาน เขาก็ได้เจอ เด็กชายไกรสร สินธสมพนธ์ ชาวลาวอายุ 13 ปี  เจฟฟรีย์ ใช้เงินล่อไกรสรมาถ่ายรูปโป๊ จากนั้นก็วางยาและลวนลามเขา แต่ก่อนที่จะมีอะไรกันต่อไป ไกรสรเกิดไหวตัวทัน หนีรอดออกมาได้ ผู้ปกครองเขารีบพาตัวส่งโรงพยาบาลและแจ้งตำรวจ

เจฟฟรีย์ ถูกตำรวจจับกุมตัวถึงที่ทำงานเขาในโรงงานช็อกโกแลต แต่ไม่นานก็ประกันตัว ขณะที่ตรวจสอบสภาพจิตก่อนที่ศาลจะตัดสิน อัยการและพ่อเขาวอนขอให้คำตัดสินอยู่ในความดูแลของแพทย์ และเจฟฟรีย์ได้แสดงความต้องการอย่างจริงใจว่าต้องการักษาอาการโรคจิต ให้หาย โดยรับทัณฑ์บนและรักษาตัวอยู่ในสถานบำบัด 1 ปี

เมื่อพ้นโทษทัณฑ์บน เจฟฟรีย์ ได้พักกลับยายอีกครั้ง และไม่นานเขาก็ได้เจอเหยื่อรายใหม่อีก แอนโธนี่ เซียร์ เกย์ผิวดำอายุ 24 ปี การลงมือไม่ต่างครั้งก่อนๆ มากนัก เพียงแต่ครั้งนี้เขาตัดหัวของเหยื่อมาต้มในหม้อจนหนังหัวหลุดออก และนำมาทาสีให้เป็นสีเทา จากนั้นก็ตั้งไว้ดูเล่นในห้อง บางครั้งครึ้มอกครึ้มใจก็สำเร็จความใคร่กับหัวกะโหลกนั้นด้วย

14 พฤษภาคม 1990  --  เจฟฟรีย์ ย้ายกลับไปที่อพาร์ตเมนต์เดิมอีกครั้ง และมหกรรมสยองได้บังเกิดอีกครั้ง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงมิถุนายน 1991 เขาสังหารเหยื่ออาทิตยละราย เหยื่อที่อายุน้อยที่สุดคือ คุณารักษ์ สินธสมพนธ์ น้องชายของไกรสรที่เคยหนีรอด มาแล้วนั้นเอง แต่คุณารักษ์ ไม่โชคดีเหมือนไกรสร เขาเกือบรอด ตอนที่ถูกวางยา เเละหนีออกมาได้ ผู้เห็นเหตุการณ์โทรแจ้งตำรวจให้มาช่วย เมื่อตำรวจ 3 นายมาถึง เจฟฟรีย์ อ้างว่าคุณารักษ์เป็นแฟนเขาไม่มีอะไรร้ายแรง เพียงแค่ดื่มเหล้าและงอนนิดหน่อย ตำรวจเมื่อได้ฟังก็กลับไป คงไม่ต้องบอกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหยื่อที่น่าสงสารคนนี้

                หลังจากคลี่คลายคดีแล้ว มีการสั่งพักราชการตำรวจ 3 นายดังกล่าว โทษฐานละเลยต่อหน้าที่ เพราะเพียงแค่พวกเขาเดินเข้าห้อง เจฟฟรีย์ ก็จะพบศพเหยื่อคนเก่าและรูปถ่ายศพมากมายกองเรี่ยราดอยู่ หรือเพียงแค่สืบประวัติกับคอมพิวเตอร์ก็รู้ข้อหากระทำอนาจารต่อเด็กในอดีตเเล้ว

               ต่อมาเรื่องของ คุณารักษ์ สินธสมพนธ์ ชาวลาว ทำให้เกิดการแบ่งเเยกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเข้าข้างตำรวจโดยกล่าวว่าตำรวจทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ส่วนอีกฝ่ายโจมตีว่าตำรวจมักเชื่อผิวขาวมากว่าคนผิวสีเเละคนเอเชีย!

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
SpiderMeaw's profile


โพสท์โดย: SpiderMeaw
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
16 VOTES (4/5 จาก 4 คน)
VOTED: Tä Köhler, cutiebarbie, โยนี หมีระบม, แมวฮั่ว แมวขี้งอน
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เก่ง ลายพราง พ้นโทษแล้ว! กลับสู่อิสรภาพ น้ำตาซึมกอดลูกสาวแน่นเงิบทั้งประเทศ! อินฟลูฯดังเขมรมอบของให้ RPG แต่เจอหลอกซ้อนแผนสาวโชคร้าย! ถูกมือดีปาหินใส่ขณะนั่งรถไฟ กระจกแตกใส่หน้า ได้รับบาดเจ็บ 😥3 จังหวัดในประเทศไทย ที่ไม่มีพื้นที่ป่าไม้หลงเหลืออยู่เลยดร.จากอ็อกซ์ฟอร์ด ผันตัวเป็นไรเดอร์ จุดประกายแรงบันดาลใจ ท่ามกลางคำถามเรื่องคุณค่าของวุฒิการศึกษาย้อนอดีตเชียงราย 2529: ชาวเขาจับ “แลน” ขายให้นักท่องเที่ยว แนะนำเมนูแกงอ่อมสุดเด็ด – วันนี้สัตว์ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์เตือนภัยสุขภาพ: หยุด 7 พฤติกรรม "อาบน้ำผิดวิธี" ในช่วงฤดูร้อน เสี่ยงกระทบสุขภาพร้ายแรงโดยไม่รู้ตัว“บันไดเลื่อนไม้แห่งแอนต์เวิร์ป” หนึ่งในบันไดเลื่อนไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ยังคงทำงานได้ดีจนถึงวันนี้!ไม่ทอดทิ้งเพื่อนมนุษย์! ทหารไทยยื่นมือช่วย 2 บิ๊กเขมรเจ็บหนัก ข้ามแดนรักษาด่วน"เจนนี่ BLACKPINK" เชือกรองเท้าหลุด เหวี่ยงใส่ทีมงาน..ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ!สาวอ้างเพื่อน "ปราง ปรางทิพย์" โพสต์ด่า "ดัง พันกร" ..เจอของจริงจนต้องลบโพสต์หนี“น้องเต้าหู้” เปิดใจครั้งแรกในรอบ 20 ปี เผยเบื้องหลังการถูกลักพาตัวในวัยเด็ก ความทรงจำสุดท้ายกับครอบครัว และความหวังครั้งใหม่ในการตามหาพ่อแม่
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
“ก๊ก อาน” เศรษฐีเบอร์ต้นของเขมร ผู้กุมอำนาจเงา ข้างกายฮุนเซนการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก"พระสิ้นคิด" ฝากถึง "พระสุจย์" ไม่สมควรด่าคนสุรินทร์ ลั่น! ถ้าบิณฑบาตเจอ กูต่อยแน่!“น้องเต้าหู้” เปิดใจครั้งแรกในรอบ 20 ปี เผยเบื้องหลังการถูกลักพาตัวในวัยเด็ก ความทรงจำสุดท้ายกับครอบครัว และความหวังครั้งใหม่ในการตามหาพ่อแม่สาวโชคร้าย! ถูกมือดีปาหินใส่ขณะนั่งรถไฟ กระจกแตกใส่หน้า ได้รับบาดเจ็บ 😥
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
เดือด! กัมพูชาไม่พอใจ ‘แพทองธาร’ เบรกส่งคืนวัตถุโบราณ อ้างไทยไม่มีงบ"พระสิ้นคิด" ฝากถึง "พระสุจย์" ไม่สมควรด่าคนสุรินทร์ ลั่น! ถ้าบิณฑบาตเจอ กูต่อยแน่!“น้องเต้าหู้” เปิดใจครั้งแรกในรอบ 20 ปี เผยเบื้องหลังการถูกลักพาตัวในวัยเด็ก ความทรงจำสุดท้ายกับครอบครัว และความหวังครั้งใหม่ในการตามหาพ่อแม่สาวโชคร้าย! ถูกมือดีปาหินใส่ขณะนั่งรถไฟ กระจกแตกใส่หน้า ได้รับบาดเจ็บ 😥
ตั้งกระทู้ใหม่