ความรุนแรงในหนัง ด้านมืดของวงการภาพยนตร์อเมริกัน

“ผมละอายใจที่เล่นภาพยนตร์เรื่องนี้”
.
คำกล่าวของดาราตลกชื่อดังอย่าง จิม แคร์รี่ที่กล่าวกับทางสำนักข่าวต่าง ๆ รวมทั้งในทวิตเตอร์ของเขาว่า เขารู้สึกละอายใจที่ไปเล่นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่สังฆกรรมใด ๆ และไม่พูดถึงใด ๆ ทั้งสิ้น
ภาพยนตร์เรื่องนั้นคือ KickAss 2
.
เรื่องของเรื่องก็คือ จิม แคร์รี่ประกาศเรื่องนี้ภายหลังจากเหตุการณ์สลดใจที่โรงเรียนประถมแซนดี ฮุค เมื่อเดือนธันวาคมปี 2012 ซึ่งเกิกเหตุกราดยิงในโรงเรียนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 28 คน เจ็บไป 2
.
โดยคนร้ายคือ อดัม แลนซา เด็กมัธยมผู้ป่วยเป็นโรคออทิสติกกลุ่มอัจฉริยะแอสเพอร์เกอร์ ผู้มีอายุ 20 ปี
.
แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการสังหารหมู่ในประเทศอเมริกา แต่เป็นอีกครั้งและอีกครั้งที่ไม่มีวันจบสิ้นและมองไม่เห็นทางออกใด ๆ ด้วยซ้ำไป
.
อย่างล่าสุดเหตุการณ์สังหารหมู่ในบาร์เกย์ย่านบอสตันก็เป็นอีกครั้งที่ทำให้คนอเมริกาต้องตั้งคำถามต่อความปลอดภัยของตัวเองและที่สำคัญคือ กฎหมายอาวุธปืนในประเทศนี้ที่มีการร่างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา ช่วงก่อตั้งประเทศนั้นควรมีการปรับปรุงได้หรือยัง
.
เรื่องนี้กลายเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลของประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า เองก็พยายามที่จะแก้ไขให้ได้ แต่ไม่สำเร็จเสียทีจนตัวบารัคโอบาม่าต้องฝากความหวังให้รัฐบาลต่อไปดำเนินนโยบายนี้ต่อไป แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่า เมื่อไหร่กันที่กฏหมายตัวนี้จะได้รับการแก้ไขเสียที
.
แน่ล่ะว่า อีกหนึ่งสาเหตุที่บรรดาคนอเมริกันทั้งหลายชี้นิ้วไปที่บรรดาสื่อต่าง ๆ ไล่มาตั้งแต่เกม ไปยัน ภาพยนตร์ว่า ช่างส่งเสริมความรุนแรงให้กับเยาวชนเสียเหลือเกิน
.
โดยเฉพาะภาพยนตร์นั้นโดนหนักสุด โทษฐานสร้างความรุนแรงให้กลายเป็นความเท่
.
นักวิชาการสื่อมวลชนท่านหนึ่งกล่าวว่า
.
“ฮอลลีวู้ดต้องยอมรับว่า พวกเขาทำให้ฉากฆ่ากลายเป็นเรื่องสวยงาม ดังนั้นพวกเขาควรจะเลิกอ้างเสียทีว่า ความรุนแรงในหนังเป็นเรื่องสมจริง เพราะตรงข้ามมันเป็นการวางยาที่ทำให้ผู้คนมองเห็นความรุนแรงเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นต่างหาก”
.
แน่นอนว่า ทางฮอลลีวู้ดเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจใด ๆ นัก หลังจากเหตุการณ์สังหารหมู่ที่เกิดขึ้นหลายครั้ง พวกเขาก็มีมาตรการเรื่องนี้กันพอสมควร เช่น หลังเหตุการณ์สังหารหมู่ที่โรงหนังเซ็นจูรี เมืองออโรรา โคโลราโด เมื่อวันที่ 20 กรกฏาคม 2012 ที่นักศึกษาปริญญาเอกอายุ 24 ปีกราดยิงผู้คนในโรงหนังในเรื่อง The Dark Knight จนมีผู้เสียชีวิตถึง 12 คน บาดเจ็บไป 58 คน ซึ่งทำให้ค่ายหนังอย่าง วอร์เนอร์ต้องนำหนังอย่าง Gangster Squad ที่มีฉากยิงกันในโรงหนังไปแก้ไขเรื่องใหม่และเลื่อนฉายออกไป ทว่าผลกลับทำให้หนังล้มเหลวทั้งรายได้และวิจารณ์ด้วยซ้ำไป
.
หรือกระทั่งจิม แคร์รี่ที่ตัดสินใจไม่ไปร่วมงานโปรโมทหนังเรื่อง Kick Ass 2 ภายหลังจากเหตุการณ์ยิงกราดโรงเรียนประถมแซนดี ฮุค เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น เขาให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า
.
“ผมไปแสดงเป็นตัวละครใน Kick Ass 2 ก่อนเหตุการณ์นี้ แต่ตอนนี้มโนสำนึกของผมบอกว่า ผมไม่ควรจะไปสนับสนุนใด ๆ หนังเรื่องนี้ได้อีกแล้ว”
.
การประกาศของแคร์รี่ทำให้โปรดิวเซอร์ของหนังควันออกหูแล้วบอกว่า แคร์รี่เป็นพวกปลิ้นปลอก เขาเล่นหนังเรื่องนี้อย่างแฮบปี้ แต่มากลับลำว่าตัวเองเป็นคนดีแบบนี้นี่นะ มันน่าสมเพช
.
กระนั้นเอง Kick Ass 2 ก็ทำรายได้ไปพอควร แต่เสียงวิจารณ์ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่นั่นไม่เกี่ยวกับบทของแคร์รี่ที่มีออกไม่กี่ฉากเท่านั้นเอง
.
นอกจากนั้นก็ยังมีความพยายามจะแก้ไขความรุนแรงในหนังอย่างเต็มที่ กระนั้นเองสิ่งที่ยอนแย้งก็คือ สุดท้ายแล้วหนัง 70 เปอร์เซ็นต์ที่ถูกผลิตโดยฮอลลีวู้ดยังคงเป็นหนังที่ตัวละครถือปืนบนโปสเตอร์ของหนังบล็อกลัสเตอร์ให้ดูเท่เหมือนเช่นเดิม ยิ่งตอกย้ำสิ่งที่นักวิชาการบอกว่า ความรุนแรงกำลังกลายเป็นสิ่งเท่ไปทุกวัน
.
และไม่มีใครรู้ว่ามันจะได้แก้ไขได้จริงๆ หรือเปล่า