“จีนเทา” หนีมาฝั่งไทย: แผนซ่อนตัวหรือแผนกลับบ้าน?
“จีนเทา” หนีมาฝั่งไทย: แผนซ่อนตัวหรือแผนกลับบ้าน?
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้ยินข่าวเกี่ยวกับ "จีนเทา" หรือกลุ่มคนจีนที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยหรือกระทำความผิดในประเทศจีน แล้วหลบหนีเข้ามาในไทยเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดี โดยบางรายถึงขั้น "จงใจให้ตำรวจไทยจับ" เพื่อถูกส่งกลับประเทศต้นทางอย่าง “ถูกวิธี” ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่าสนใจและควรทำความเข้าใจ
“จีนเทา” ไม่ได้เป็นคำทางการ แต่ใช้เรียกกลุ่มชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยแบบมีเงื่อนงำ เช่น:
● ไม่มีงานทำชัดเจน
●มีพฤติกรรมฟอกเงิน, ค้าสารเสพติด หรือเปิดเว็บพนันผิดกฎหมาย
● ใช้วีซ่าปลอม หรืออยู่เกินกำหนด
●บางคนมีหมายจับจากทางการจีน
เหตุใดบางคนจึง “ยอมให้จับ” เพื่อกลับจีน?
1. หนีจากภัยจากคู่กรณีหรือเครือข่ายอาชญากรรมในจีน
บางคนอาจมีปัญหากับกลุ่มอิทธิพลในบ้านเกิด และมองว่าการกลับจีนในฐานะผู้ต้องหาผ่านระบบทางการ อาจปลอดภัยกว่า
2. หมดหนทาง
เมื่อวีซ่าใกล้หมด ถูกเฝ้าระวัง หรือไม่สามารถทำกิจกรรมผิดกฎหมายต่อได้ จึงยอมมอบตัวหรือทำให้ตนเองถูกจับ
3. ใช้ไทยเป็นทางผ่าน
บางรายเข้ามาไทยเพื่อรอหนีต่อไปประเทศที่สาม แต่เมื่อถูกกดดันจึงยอมให้จับและส่งกลับ
ผลกระทบต่อไทย
สร้างความกังวลด้านความมั่นคง
คนกลุ่มนี้อาจเชื่อมโยงกับอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น เว็บพนันออนไลน์ ฟอกเงิน หรือค้ามนุษย์
กระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยวและความปลอดภัย
นักท่องเที่ยวสุจริตอาจได้รับผลกระทบจากมาตรการคุมเข้ม
เพิ่มภาระให้เจ้าหน้าที่ไทย
ในการตรวจสอบ ประสานงานกับต่างประเทศ และควบคุมคนเข้าเมือง
ข้อควรจับตา
●รัฐบาลไทยและตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเริ่มมีมาตรการคุมเข้มมากขึ้น เช่น การคัดกรองวีซ่า และการตรวจสอบแหล่งเงิน
●การประสานงานระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับทางการจีน เพื่อส่งผู้กระทำผิดกลับอย่างเป็นระบบ
●การเสริมสร้างเทคโนโลยีติดตามและตรวจสอบผู้ต้องสงสัยจากต่างชาติ
พฤติกรรมของกลุ่ม “จีนเทา” ที่เข้ามาในไทยและยอมให้จับเพื่อกลับประเทศ แสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ของระบบการเข้าเมืองและความจำเป็นในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศ ปัญหานี้ไม่เพียงเป็นเรื่องอาชญากรรมระหว่างประเทศ แต่ยังเกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ ความมั่นคง และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อภาครัฐอย่างลึกซึ้ง

















