300 ล้านวัดไร่ขิง หายเข้าบาคาร่า! เจ้าอาวาสล้มศีลกลางศรัทธา
ดราม่าระเบิดวงการสงฆ์: “พระธรรมวชิรานุวัตร” หรือ “เจ้าคุณแย้ม” กับคดียักยอกเงินวัดไร่ขิงกว่า 300 ล้านบาท พัวพันพนันออนไลน์
วงการพระพุทธศาสนาในประเทศไทยกำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจากกรณีอื้อฉาวที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเกิดขึ้นได้ในระดับสูงเช่นนี้ เมื่อ “พระธรรมวชิรานุวัตร” หรือ “เจ้าคุณแย้ม” พระผู้ใหญ่ซึ่งดำรงตำแหน่งสำคัญอย่างเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และเจ้าคณะภาค 14 กลายเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาในข้อหายักยอกเงินวัดไปใช้ในการพนันออนไลน์ โดยมูลค่าความเสียหายในคดีนี้สูงกว่า 300 ล้านบาท และยังมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายเว็บพนันชื่อดัง
ข่าวนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของความผิดส่วนตัว แต่กลายเป็นบทสะท้อนถึงความเปราะบางของระบบการจัดการในองค์กรสงฆ์ที่อาจกำลังถูกละเลย ทั้งในด้านการตรวจสอบงบประมาณ การใช้จ่ายเงินวัด ตลอดจนการดูแลศีลธรรมในหมู่พระภิกษุ ซึ่งเป็นผู้ที่ประชาชนฝากความศรัทธาไว้สูงสุด
ย้อนรอยลำดับเหตุการณ์อื้อฉาว: จากต้นตอเว็บพนัน สู่ศาลอนุมัติหมายจับ
ปี 2557
ทุกอย่างเริ่มจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมผู้ต้องหาหญิงรายหนึ่งชื่อว่า “น.ส.อรัญญาวรรณ” ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ชื่อดัง LAGALAXY911 หนึ่งในเครือข่ายพนันรายใหญ่ของประเทศไทย ต่อมามีการสืบพบว่าเธอมีความเชื่อมโยงกับพระธรรมวชิรานุวัตรในภายหลัง ซึ่งนำไปสู่การเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ปี 2564–2567
เริ่มมีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับความผิดปกติในการเบิกถอนเงินของวัดไร่ขิง มีจำนวนเงินออกจากบัญชีวัดอย่างไม่ชอบมาพากลหลายรายการ จึงมีการแจ้งเบาะแสต่อกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)
8 เดือนแห่งการสืบลับ
ตำรวจส่งสายลับแฝงตัวเข้าไปในวัดไร่ขิง พร้อมตรวจสอบบัญชีรายรับ-รายจ่าย พบว่าเงินจากบัญชีวัดถูกโอนไปยังบัญชีส่วนตัวของพระธรรมวชิรานุวัตร จากนั้นมีการโอนไปยังบัญชีของน.ส.อรัญญาวรรณ ซึ่งพบว่ามีการนำไปเติมเครดิตเข้าเว็บพนันออนไลน์ โดยเฉพาะเกมบาคาร่า
15 พฤษภาคม 2568
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติหมายจับพระธรรมวชิรานุวัตร โดยระบุข้อหาหลักคือ “ยักยอกทรัพย์” และ “ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” พระธรรมวชิรานุวัตรจึงเดินทางเข้ามอบตัวกับ บช.ก. พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ แต่กระแสสังคมก็เริ่มก่อตัวหนักขึ้น
ช่วงเย็นวันเดียวกัน
บช.ก. จัดแถลงข่าวเปิดเผยว่า ได้ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องอีก 1 ราย และกำลังเตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 6 คนในขบวนการเดียวกัน โดยเน้นย้ำว่า “แม้จะเป็นพระผู้ใหญ่ แต่หากมีพยานหลักฐานชัดเจน ก็ไม่สามารถอยู่เหนือกฎหมายได้”
ประวัติของพระธรรมวชิรานุวัตร: จากพระนักพัฒนา สู่ผู้ต้องหา
พระธรรมวชิรานุวัตร หรือ เจ้าคุณแย้ม ถือเป็นพระนักพัฒนา ผู้ทรงคุณูปการต่อวัดไร่ขิงและวงการศึกษาพระพุทธศาสนา ท่านเกิดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2498 บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 12 ปี และอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุ 21 ปี ที่วัดไร่ขิง
ด้วยความสามารถและศีลาจารวัตรอันน่าเคารพ ท่านได้รับตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง เช่น
เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง
เจ้าคณะภาค 14
รองแม่กองธรรมสนามหลวง
นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ขับเคลื่อนกิจกรรมทางศาสนาและการศึกษาธรรมะอย่างแข็งขันตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาโรงเรียนพระปริยัติธรรมและศาสนสถานในเขตนครปฐมและภาคกลาง
พฤติกรรมที่ถูกกล่าวหา: เงินวัดกลายเป็นทุนเดิมพันบาคาร่า
การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า มีการโอนเงินจากบัญชีของวัดไร่ขิงไปยังบัญชีส่วนตัวของพระธรรมวชิรานุวัตร ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติอยู่แล้วสำหรับการบริหารเงินวัด จากนั้นเงินก้อนดังกล่าวจะถูกโอนไปยังบัญชีของน.ส.อรัญญาวรรณ เพื่อนำไปเติมเครดิตเข้าเว็บพนัน LAGALAXY911
ที่น่าตกใจคือ มีข้อมูลยืนยันว่า พระธรรมวชิรานุวัตรนำเงินจำนวนมหาศาลไปใช้เล่นเกมบาคาร่าออนไลน์ และมีพฤติกรรม “ติดพนันงอมแงม” จนกระทั่งเงินวัดเริ่มร่อยหรอ ยังมีการไปขอยืมเงินจากพระรูปอื่น ๆ จากอีกหลายวัด เพื่อมาเล่นต่อ
ยอดเงินที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการพนันในคดีนี้ คาดว่ารวมกันสูงถึง 500 ล้านบาท แม้เบื้องต้นจะตรวจสอบได้ว่ามีการยักยอกโดยตรงกว่า 300 ล้านบาท ก็ตาม
แรงกระเพื่อมต่อสังคม: เมื่อความศรัทธาสั่นคลอน
วัดไร่ขิงไม่ใช่เพียงแค่วัดธรรมดา แต่ถือเป็นวัดสำคัญของจังหวัดนครปฐม และเป็นสถานที่รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ มีหลวงพ่อวัดไร่ขิงเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยเลื่อมใสศรัทธาอย่างล้นหลาม
เมื่อมีข่าวว่าเจ้าอาวาสของวัดเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ กระแสความไม่พอใจและผิดหวังก็ปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว คนในแวดวงสงฆ์และฆราวาสต่างออกมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง
หนึ่งในเสียงสะท้อนที่โดดเด่นคือจาก “แพรรี่ ไพรวัลย์” อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง ที่โพสต์ข้อความรุนแรงว่า
"ที่เก็บค่าที่แพงๆ นี่ นึกว่าเอาไปบำารุงวัด ที่แท้เอา ไปบำรุงเว็บหรอคะ #ค่าที่แพงเพราะแทงไม่ถูก"
คำพูดนี้แม้จะดูรุนแรง แต่ก็สะท้อนความรู้สึกของประชาชนจำนวนมากที่รู้สึกว่า ความเชื่อที่เคยมีถูกหักหลังอย่างไม่น่าให้อภัย
บทเรียนจากคดีนี้: ถึงเวลาปฏิรูปวงการสงฆ์อย่างจริงจัง
คดีของพระธรรมวชิรานุวัตรไม่ใช่แค่เรื่องของ “พระรูปหนึ่งทำผิด” แต่มันคือสัญญาณเตือนของระบบที่มีช่องโหว่อย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็น
การไม่มีระบบตรวจสอบบัญชีวัดที่โปร่งใส
การขาดกลไกภายนอกตรวจสอบทรัพย์สินของพระ
การไม่มีมาตรการลงโทษพระระดับสูงที่ชัดเจน
ประเทศไทยมีวัดกว่า 40,000 แห่งทั่วประเทศ แต่หลายวัดไม่มีระบบบัญชีแยกประเภท หรือระบบการตรวจสอบโดยอิสระ ทำให้เงินบริจาคจากประชาชนหลายร้อยล้านบาทต่อปี อาจตกอยู่ในความเสี่ยงได้ทุกเมื่อ
นี่อาจเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่รัฐบาล, มหาเถรสมาคม, และภาคประชาสังคมจะต้องร่วมมือกันสร้างระบบบริหารจัดการวัดใหม่ที่โปร่งใสและมีธรรมาภิบาลมากขึ้น
ความศรัทธาที่สั่นคลอนกับโอกาสเริ่มต้นใหม่ของวงการสงฆ์
คดีพระธรรมวชิรานุวัตรไม่เพียงแต่ทำให้สังคมไทยช็อกเท่านั้น แต่มันยังเปิดโปงจุดอ่อนเชิงโครงสร้างของวงการพระสงฆ์และศาสนสถานในไทย หากไม่แก้ไขอย่างเร่งด่วน ความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อพระพุทธศาสนาอาจถดถอยลงอย่างถาวร
ขณะเดียวกัน คดีนี้ก็อาจเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่จะทำให้เกิดการปฏิรูปวงการสงฆ์อย่างแท้จริง และทำให้วัดในประเทศไทยกลับมาเป็นศูนย์รวมศรัทธาที่บริสุทธิ์เหมือนที่เคยเป็นมา







