พระภิกษุเสพเมถุน ไม่ต้องเอาบัติปาราชิก เพราะเหตุไร ?
โดยปกติพระภิกษุที่เสพเมถุน คือมีเพศสัมพันธ์กับหญิงหรือชายโดยการสอดใส่ ต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระทันที ปาราชิก แปลว่า ผู้พ่าย คือพ่ายแพ้จากคุณธรรม ภิกษุผู้ละเมิดสิกขาบทข้อนี้ ไม่สามารถบรรลุ มรรค ผล นิพพานในชาตินี้ได้ จึงต้องให้สึกสถานเดียว สึกแล้วสึกเลย ไม่สามารถกลับมาบวชใหม่ได้
อาบัติปาราชิก เป็นอาบัติที่ร้ายแรงที่สุดในพระพุทธศาสนา มี 4 ข้อได้แก่ เสพเมถุน, ลักทรัพย์ ราคา 1 บาทขึ้นไป, ฆ่ามนุษย์ และอวดอุตริมนุสธรรม
เสพเมถุน คือ มีเพศสัมพันธ์ด้วยการสอดใส่ กับมนุษย์ (ทั้งผู้หญิงหรือผู้ชาย), อมนุษย์ หรือสัตว์ดิรัจฉาน แม้แต่ซากศพก็ไม่มีการยกเว้น
ลักทรัพย์ คือถือเอาทรัพย์สินของผู้อื่นที่เขาไม่ได้ให้มาเป็นของตนเอง มีราคาตั้งแต่ 5 มาสก หรือ 1 บาทขึ้นไป
ฆ่ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นฆ่าเองหรือจ้างวานให้ผู้อื่นฆ่า หรือพรรณนาคุณแห่งความตาย ให้คนนั้นยินดีที่จะตาย (มีเจตนาหวังให้ตาย) ไม่ยกเว้นแม้แต่ทำแท้งเด็กในครรภ์
อวดอุตริมนุสธรรม ที่ไม่มีในตน คำว่า อุตริมนุสธรรม คือสิ่งที่เหนือธรรมดา เช่น มรรค ผล นิพพาน ญาณวิเศษ หูทิพย์ ตาทิพย์ ถ้าภิกษุอวดว่าตนบรรลุ ทั้งที่ไม่ได้บรรลุ ก็ขาดจากความเป็นพระทันที
ทีนี้มาเฉลยคำถามที่ว่า ภิกษุเสพเมถุน ไม่ต้องอาบัติปาราชิก เพราะเหตุไร คำตอบคือ พระผู้เป็นอาทิกัมมิกะ คือพระผู้เป็นต้นเหตุให้ทรงบัญญัติสิกขาบทข้อนี้ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเอาบัติข้อนี้
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า สมัยพุทธกาล มีพระภิกษุรูปหนึ่ง ชื่อ สุทิน มีใจเลื่อมใสอย่างแรงกล้าในพระพุทธศาสนา อยากบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา จึงขออนุญาตจากบิดามารดามาบวช แต่บิดามารดาไม่อนุญาต เนื่องจากมีลูกชายคนเดียว กลัวไม่มีทายาทผู้สืบสกุล แต่สุทินพยามอ้อนวอน อ้อนวอนแล้วอ้อนวอนเล่า แต่บิดามารดาก็ไม่ยอมกินต้องอดข้าวอดน้ำ แต่สุทินพยายามอ้อนวอน อ้อนวอนแล้วอ้อนวอนเล่า บิดามารดาก็ไม่ยอมให้บวช จึงต้องอดข้าวอดน้ำ ประท้วงจนซูบผอมใกล้เสียชีวิต พ่อแม่จึงยอมด้วยความจำใจ แต่ก็คิดในใจว่า สุทินเป็นหนุ่มเจ้าสำอาง คงบวชได้ไม่นาน เพราะคงทนความอดหิว อดสนุกสนานไม่ได้ เดี๋ยวสึกออกมา แต่เหตุการณ์ไม่เป็นเช่นนั้น พระสุทิน หลังจากบวชแล้วได้สมาทานกรรมฐาน ประพฤติปฏิบัติอย่างเข้มข้นเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพาน โยมบิดามารดาจึงร้อนอกร้อนใจ กลัวไม่มีทายาทผู้สืบสกุล จึงเข้าไปขอวอน อ้อนวอนพระสุทินให้สร้างทายาท (ลูก) โดยเสนอให้พระสุทินมีเพศสัมพันธ์กับอดีตภรรยาเพื่อจะได้ทายาทผู้สืบสกุล พระสุทินก็สงสารโยมบิดามารดา พอดีขณะนั้นยังไม่มีสิกขาบทข้อห้ามภิกษุเสพเมถุน จึงยอมปฏิบัติตามโดยมีเพศสัมพันธ์กับอดีตภรรยาจนนางตั้งครรภ์
การเสพเมถุนของพระสุทิน ทราบไปถึงพระพุทธเจ้า พระองค์จึงตรัสติเตียนพระสุทินว่า ทำไม่สมควร เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี จึงทรงบัญญัติสิขาบทข้อนี้มาตั้งแต่บัดนั้น แต่ไม่ทรงปรับอาบัติพระสุทิน เพราะเป็นผู้ทำครั้งแรก และทำก่อนบัญญัติสิกขาบทข้อนี้

















