มินมิโกะ แกร่งเกินกว่าไฟจะเผาไหม้ เรื่องราวของคอสเพลเยอร์สาวกับชีวิตที่ไม่ยอมแพ้
ในค่ำคืนอันหนาวเหน็บของวันที่ 30 ธันวาคม 2023 ชีวิตของ มินมิโกะ (Minmiko) คอสเพลเยอร์สาวผู้เตรียมตัวเข้าร่วมงาน “Comic Market Winter” ต้องพลิกผัน เมื่อโทรศัพท์จากแม่แจ้งข่าวร้าย “บ้านไฟไหม้!” เพียงชั่วข้ามคืน บ้านของเธอและอีกหลายสิบหลังคาเรือนในละแวกนั้นก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปในพริบตา
แต่สำหรับมินมิโกะแล้ว “โหมดนรก” ของชีวิตไม่ได้เริ่มต้นขึ้นในคืนนั้น พ่อของเธอไม่ทำงานและติดภาพยนตร์ผู้ใหญ่ ทำให้ฐานะทางการเงินของครอบครัวย่ำแย่มาโดยตลอด เธอจึงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านตั้งแต่ยังวัยรุ่น แม้กระทั่งเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย เธอก็ต้องทำงานถึง 3 อย่างเพื่อประทังชีวิต กลางวันเรียน กลางคืนทำงาน และกลับบ้านเพียงเพื่อนอนพักผ่อนก่อนจะตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับความเหนื่อยล้าอีกครั้ง
เธอเคยทำงานในร้านอิซากายะและเป็นติวเตอร์ แม้ชีวิตจะลำบาก แต่ความอบอุ่นเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้รับก็ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ เช่น การที่เจ้าของร้านจะห่อโอเด้งที่เหลือให้เธอนำกลับบ้านไปเป็นอาหารประทังชีวิตของครอบครัวในยามที่ไม่มีข้าวสารแม้แต่นิดเดียว แม้บางครั้งพ่อจะบ่นเมื่อเห็น “ลูกชิ้นปลาเส้น” ซึ่งเป็นสิ่งที่เหลืออยู่บ่อยที่สุด แต่โอเด้งร้อนๆ เหล่านั้นก็เป็นพยานถึงวันที่ครอบครัวนี้พึ่งพาอาศัยกัน
อย่างไรก็ตาม บ้านก็ยังคงเป็นเหมือนที่ที่ทำให้เธอหายใจไม่ออก พ่อไม่ทำงาน แม่เหนื่อยล้าจากการดูแลยาย ส่วนเธอต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับมหาวิทยาลัยถึง 2 ชั่วโมงทุกวัน และส่วนใหญ่ก็นอนค้างบ้านเพื่อน ทำให้ความสัมพันธ์กับครอบครัวห่างเหินออกไปทุกที จนกระทั่งวันหนึ่งแม่ก็ตำหนิเธอว่า “อกตัญญู ทอดทิ้งครอบครัว!” ซึ่งยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกโลกทอดทิ้ง
เมื่อมองย้อนกลับไป มินมิโกะไม่ได้โทษใครเลย เธอเข้าใจว่าพ่อแม่ก็เป็นคนธรรมดาที่เจ็บปวดและล้มลงได้ เพียงแต่ในตอนนั้นเธอไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นได้ ทุกคนต่างถูกความเป็นจริงบีบคั้นจนสุดทาง ไม่มีใครสามารถสงบสติอารมณ์ได้เลย
พายุชีวิตยังไม่จบสิ้น เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โอกาสในการทำงานพิเศษก็หายไป ทำให้ครอบครัวต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจอีกครั้ง แต่ท่ามกลางความยากลำบากนี้เอง ที่เธอเริ่มทดลองไลฟ์สดและสร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ ซึ่งกลับกลายเป็นเส้นทางใหม่ของชีวิต เธอเริ่มร้องเพลงและทำคอนเทนต์ออนไลน์ สะสมชื่อเสียงทีละน้อย จนมีรายได้ที่มั่นคงกว่าการทำงานพิเศษเสียอีก
เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัย บ้านของเธอถูกบังคับขายทอดตลาดเนื่องจากหนี้สิน แม่ย้ายกลับไปอยู่บ้านยาย ส่วนเธอตัดสินใจย้ายไปหางานทำที่โตเกียวทันที แต่ความเป็นจริงก็ยังคงตามรังควาน เธอไม่มีผู้ค้ำประกัน ทำให้การหาห้องเช่าเป็นเรื่องยากลำบาก ห้องที่เธอหาได้ในที่สุดคือ “ห้องอาถรรพ์” หรือบ้านผีสิงที่แม้แต่เจ้าของบ้านและนายหน้าก็พยายามหลีกเลี่ยง เมื่อเธอย้ายเข้าไป เธอพบว่าที่อยู่ของห้องนั้นไม่สามารถค้นหาในระบบได้ และเพิ่งมารู้ทีหลังว่าตึกนี้ได้เปลี่ยนชื่อและลงทะเบียนใหม่ และเมื่อค้นหาด้วยชื่อเก่าในอินเทอร์เน็ต ก็พบแต่ข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพื่อนคนหนึ่งเคยมาพักในฤดูร้อนและพบว่าห้องเย็นผิดปกติแม้ไม่ได้เปิดแอร์ จนต้องรีบหนีไป ในการไลฟ์สดครั้งหนึ่ง เธอยังได้ยินเสียงคนเคาะกำแพงจากห้องข้างๆ แต่เมื่อจะตอบโต้ เธอก็เพิ่งตระหนักว่าทั้งตึกมีเพียงเธอคนเดียว เมื่อเธอย้ายออก นายหน้ายังถามเธออย่างระมัดระวังว่า “อยู่แล้วไม่เจอเรื่องแปลกๆ ใช่ไหม?” ซึ่งทำให้เธอขนลุกไปหมด
ความสัมพันธ์กับพ่อก็ขาดสะบั้นไปนานแล้ว หลังจากพ่อแม่หย่ากัน เธอก็ไม่เคยเจอพ่ออีกเลย ได้ยินเพียงว่าตอนนี้พ่อไม่ดูแลตัวเองและพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง เหมือนกับว่าได้ตัดขาดจากอดีตไปโดยสิ้นเชิง
แม้จะผ่านเรื่องราวมากมายขนาดนี้ แต่มินมิโกะกลับบอกว่าความสุขของเธอเรียบง่ายมาก: แค่ได้กินอิ่ม ได้ออกไปเที่ยวนอกบ้านกับครอบครัวบ้างก็พอแล้ว ทุกวันนี้เธอยังคงอาบน้ำเย็นโดยไม่รู้ตัว และจะรู้สึกมีความสุขอย่างประหลาดเมื่อรู้ว่า “อ๊ะ! บ้านมีน้ำร้อนแล้ว!” เธอชอบราเม็งและแกงกะหรี่แบบบ้านๆ มากกว่าซูชิหรือยากินิกุราคาแพง เธอบอกว่าแม้ตอนนี้จะมีเงินทองมากขึ้น เธอก็ไม่ค่อยกินอาหารที่ราคาเกิน 1,000 เยนมากนัก อย่างมากก็แค่เพิ่มผักโขมในราเม็ง ก็จะรู้สึกว่า “ฟุ่มเฟือยเล็กน้อย”
ปัจจุบันเธอคุ้นเคยกับชีวิตที่เรียบง่าย และเรียนรู้ที่จะทะนุถนอมสิ่งต่างๆ สำหรับเธอ การได้ควบคุมชีวิตตัวเอง และสามารถสร้างหลักประกันให้ครอบครัวได้ ถือเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุด บางทีนี่อาจเป็นเสียงสะท้อนจากคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นกัน บนเส้นทางที่โชคชะตาพยายามทดสอบ เธอได้สร้างความอ่อนโยนและพละกำลังของตัวเองขึ้นมาทีละก้าว ไม่ใช่ทุกคนที่จะรอดพ้นจาก “โหมดนรก” ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ทุกคนที่พยายามมีชีวิตอยู่ ล้วนสมควรได้รับการปฏิบัติอย่างอ่อนโยนจากโลกนี้






















