เมื่อผ้าเหลืองถูกทำให้เปื้อน เราจะยังกราบพระด้วยใจบริสุทธิ์ได้อยู่อีกไหม?
ถ้าเราคนพุทธไม่ศรัทธาในพระแล้ว เราจะเหลืออะไรให้ยึดเหนี่ยว?
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวผมครับ หลังจากได้อ่านข่าวล่าสุดเกี่ยวกับกรณี “สีกากอล์ฟ” กับคลิปฉาวความสัมพันธ์ลับกับพระผู้ใหญ่หลายรูป ทั้งยังมีภาพชัดเจนยืนยันกว่า 80,000 ไฟล์ที่กำลังตกอยู่ในมือเจ้าหน้าที่ หลายรายเป็นถึงเจ้าคณะจังหวัด บางรูปมีตำแหน่งสูงระดับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดใหญ่ ไม่ใช่พระไร้ชื่อเสียง แต่เป็นพระที่ใครต่อใครเคยกราบไหว้ด้วยความเลื่อมใส
ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่าข่าวนี้ทำให้หัวใจของชาวพุทธหลายคนสะเทือน บางคนโกรธจัด บางคนเศร้า บางคนถึงขั้นประกาศ “เลิกเข้าวัด” ไปเลยด้วยซ้ำ และผมก็เข้าใจครับ...
เพราะการไปวัดในวัฒนธรรมไทย มันไม่ใช่แค่กิจกรรมศาสนา แต่มันคือความทรงจำ ความผูกพัน ตั้งแต่เรายังเล็ก ถูกจูงมือให้พนมมือไหว้พระ สรงน้ำพระในวันสงกรานต์ ฟังธรรมในวันพระใหญ่ เราถูกปลูกฝังให้เชื่อว่า “พระ” คือเนื้อนาบุญ เป็นที่พึ่งพิงทางใจในวันที่ชีวิตไม่เป็นไปดั่งใจหวัง
แล้วเราจะทำอย่างไร? เมื่อวันนี้เรากลับมารู้ว่า พระที่เรากราบ อาจเป็นคนเดียวกับในคลิปฉาว?
เราต้องแยกแยะระหว่าง "ศาสนา" กับ "ผู้แสดงตนเป็นตัวแทนศาสนา"
เรื่องนี้สอนผมข้อหนึ่งครับ คือ “พระ” ที่สวมผ้าเหลืองใช่ว่าทุกรูปจะมีจิตใจสูงส่งเท่ากัน เราอาจต้องยอมรับความจริงที่ขมขื่นว่า ศีล 227 ข้อไม่สามารถกันใครให้พ้นกิเลสได้ หากใจไม่ฝึกจริง
ตำแหน่งใหญ่โตไม่ได้การันตีจิตใจที่ใหญ่พอ และยศถาบรรดาศักดิ์ก็ไม่ใช่สิ่งชี้วัดความบริสุทธิ์ของผู้ครองเพศบรรพชิต
วัดบางแห่งอาจเต็มไปด้วยการเมือง ความทะเยอทะยาน และธุรกิจ แต่ใช่ว่าทุกวัดจะเป็นเช่นนั้นครับ ยังมีพระอีกมากที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีวัดอีกนับพันที่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมะ เป็นที่สงบใจของญาติโยมอยู่จริง
แล้วเราจะ "ไปวัด" กันอย่างไรให้ยังรู้สึกปลอดภัยทางใจ?
- เลือกวัดที่เราศรัทธาจากการสังเกต ไม่ใช่จากชื่อเสียง
ฟังธรรมจากพระที่พูดแล้วใจเรานิ่ง ไม่ใช่จากตำแหน่งที่เขามีในคณะสงฆ์ - แยกแยะตัวบุคคลออกจากคำสอน
ธรรมะของพระพุทธเจ้ายังบริสุทธิ์ ไม่เปื้อนแม้ผู้แสดงตนเป็นตัวแทนจะผิดศีล
หากเราหลงใหลเฉพาะ “ผู้เทศน์” แต่ไม่ศึกษา “ธรรมะ” เราอาจหลงผิดได้ง่าย - ตั้งคำถามกับทุกศรัทธา โดยไม่ต้องละศรัทธา
การตั้งคำถาม ไม่ใช่การดูหมิ่น แต่คือการเติบโตทางจิตวิญญาณครับ - สร้างพื้นที่ของการทำบุญด้วยตนเอง
เช่น การนั่งสมาธิที่บ้าน การอาสาเพื่อผู้อื่น การรักษาศีลอย่างจริงจัง โดยไม่ต้องผูกขาดคำว่า “บุญ” ไว้ที่วัดเท่านั้น
ถึงที่สุดแล้ว...เราต้องยอมรับว่าในผ้าเหลืองมีทั้งคน และ "ผู้ปฏิบัติเพื่อพ้นจากความเป็นคน" คละปนกันอยู่ ไม่ต่างจากในสังคมที่มีทั้งคนดีและคนเลว ดังนั้นการแตกสลายของศรัทธาอาจไม่ใช่จุดจบของความเชื่อ แต่มันคือการเริ่มต้นใหม่ ในรูปแบบที่เราต้องกลั่นกรองศรัทธาด้วยปัญญา
วัดบางแห่งอาจเปื้อน แต่ความดีงามที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา ยังไม่เคยเปลี่ยนครับ
และบางที…“วัด” ที่แท้จริง อาจไม่ใช่สิ่งก่อสร้างบนดิน
แต่มันคือ “ศรัทธาที่ตั้งมั่นอยู่ในใจเรา” ที่ไม่ว่าจะมีข่าวร้ายแค่ไหน ก็ไม่อาจสั่นคลอนง่ายๆ
“ข่าวฉาวทำให้ศรัทธาสั่นคลอน... แต่ธรรมะยังไม่เคยผิด”
คุณสามารถแชร์บทความนี้ ถ้าคุณยังอยากรักษาความเชื่อไว้ด้วยสติและหัวใจที่เข้มแข็งครับ ถ้าคุณเชื่อว่าศาสนายังควรได้รับการปกป้อง แม้ต้องเริ่มต้นจากการชำระภายในก่อน

















