ดราม่าระอุ! เก่ง ลายพราง งานเข้า โดนสาวร้องเรียน แจงไม่ใช่อย่างที่คิด
ดราม่า “เก่ง ลายพราง” โดนร้องเรียนคุกคามนักร้องสาว – ปมคืนกระเป๋าหรูหรือการล่อลวง?
กลายเป็นข่าวร้อนที่สังคมออนไลน์กำลังจับตาอย่างใกล้ชิด หลังจากมีนักร้องสาวรายหนึ่งตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความที่ สถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร โดยอ้างว่าตนเองถูกอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง “เก่ง ลายพราง” ล่อลวงและติดตามจนเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย
เรื่องราวดังกล่าวกลายเป็นกระแสในโลกโซเชียลทันที เพราะชื่อของ เก่ง ลายพราง ถือเป็นชื่อที่หลายคนรู้จักกันดีในฐานะเน็ตไอดอลและอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากบน TikTok และ Facebook แต่ครั้งนี้กลับถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมที่ทำให้ผู้หญิงรู้สึกหวาดกลัว จนต้องเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อเป็นหลักฐาน
ฝ่ายหญิงเผยนาทีระทึก: จากการทานข้าว สู่การถูกลวงไปบ้านเช่า
จากข้อมูลเบื้องต้น ฝ่ายหญิงเล่าว่า เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่เธอไปรับประทานอาหารกับเก่ง ลายพรางตามปกติ แต่หลังจากนั้นกลับถูกพาไปยังบ้านเช่าแห่งหนึ่งโดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งทำให้เธอเกิดความไม่สบายใจและพยายามหาทางออกมาเอง
เธอกล่าวว่า หลังจากหาจังหวะออกจากบ้านได้ ก็รีบเรียกแท็กซี่เพื่อกลับคอนโด แต่ปรากฏว่าเก่ง ลายพรางกลับขับรถตามมาเรื่อย ๆ จนถึงหน้าที่พักของเธอ ทำให้รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก และตัดสินใจเข้าแจ้งความเพื่อความปลอดภัย พร้อมระบุชัดว่า เกรงว่าจะถูกคุกคามมากไปกว่านี้
เก่ง ลายพราง ไลฟ์สดโต้ทันที: หนังคนละม้วน!
ด้านเก่ง ลายพรางไม่ได้นิ่งเฉย หลังเรื่องราวเริ่มถูกเผยแพร่ เขารีบออกมา ไลฟ์สดผ่าน TikTok เพื่อเล่าเหตุการณ์ในมุมมองของตนเอง ซึ่งถือว่าแทบจะตรงข้ามกับคำให้การของฝ่ายหญิงโดยสิ้นเชิง
เก่งชี้แจงว่า เหตุผลที่เขาต้องขับรถตามไปคอนโดของฝ่ายหญิงนั้น ไม่ใช่เพราะตั้งใจคุกคาม แต่เป็นเพราะฝ่ายหญิง ลืมกระเป๋าหรูยี่ห้อ Louis Vuitton ไว้ที่บ้านเช่า ซึ่งเขาประเมินว่ามีมูลค่าหลักแสนบาท และฝ่ายหญิงเองเป็นคนขอให้เขานำกระเป๋าตามไปคืน
เหตุการณ์หน้าคอนโด: รองเท้าหาย-แกล้งโทรขู่ปืน
เก่งเล่าต่อว่า เมื่อมาถึงคอนโด เขากลับต้องยืนรออยู่นาน เพราะฝ่ายหญิงลงไปที่ร้านสะดวกซื้อ เพื่อปรึกษาเพื่อนอีกคนและทิ้งให้เขารออยู่หน้าร้าน ทั้งที่ไม่ได้ใส่รองเท้า ทำให้เจ้าตัวรู้สึกอารมณ์เสีย
ด้วยความโมโห เก่งยอมรับว่า ตนได้ “แกล้งโทรศัพท์” คุยกับเพื่อนชื่อดั้ม โดยพูดเสียงดังว่า “ไม่ไหวแล้ว เอาปืนที่บ้านมาสิ” เพื่อข่มขู่ฝ่ายหญิง แต่สุดท้ายก็รีบแกล้งต่ออีกครั้งว่า “เอาปืนไปเก็บเถอะ” โดยอ้างว่าเป็นการเล่นตลก ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายจริง
จุดพีค: ตำรวจโผล่พร้อมกำลังเต็ม!
ความวุ่นวายมาถึงจุดพีค เมื่อฝ่ายหญิงบอกว่าเรียกไรเดอร์มารับ แต่กลับกลายเป็นรถกระบะตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อีก 8 นาย ขับตามมาพร้อมรถจักรยานยนต์ถึง 3 คัน
เก่ง ลายพราง ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการนำกระเป๋ากลับไปคืนเท่านั้น และยอมชี้แจงทุกอย่างกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ในคืนนั้น
คำถามใหญ่: การคืนของหรือการคุกคาม?
เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามใหญ่ในสังคมว่า ใครพูดความจริง?
ฝ่ายหญิงเชื่อว่าตัวเองถูกลวงและตามประกบจนหวาดกลัว
ฝ่ายชายยืนยันว่าเป็นการ “ช่วยเหลือ” เพราะฝ่ายหญิงลืมกระเป๋า
สิ่งที่ยังต้องรอการพิสูจน์คือหลักฐาน เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิด เสียงการสนทนา และคำให้การจากพยานรอบข้าง
เก่ง ลายพรางคือใคร?
ก่อนหน้านี้เก่ง ลายพรางเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงจากภาพลักษณ์ “นักเลงรอยสัก” และบุคลิกกวน ๆ แต่ต่อมาได้ปรับตัวเป็นอินฟลูเอนเซอร์ มีผู้ติดตามจำนวนมาก โดยเฉพาะใน TikTok ที่เขามักไลฟ์สดสร้างสีสันและเสียงหัวเราะ
อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเก่งก็เคยถูกโยงเข้ากับข่าวฉาวหลายครั้ง ทั้งในเรื่องพฤติกรรมส่วนตัว และการแสดงออกที่ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้ชื่อของเขากลับมาอยู่ในหน้าสื่ออีกครั้ง
มุมมองทางกฎหมาย
นักกฎหมายบางรายให้ความเห็นว่า หากฝ่ายหญิงรู้สึกไม่ปลอดภัยจริง การเข้าแจ้งความถือเป็นสิทธิที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ในขณะเดียวกัน ฝ่ายชายแม้จะอ้างว่าต้องการคืนทรัพย์สิน แต่การ “แกล้งโทรขู่เรื่องปืน” อาจเข้าข่าย ข่มขู่ผู้อื่นให้เกิดความกลัว ซึ่งมีกฎหมายรองรับ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาแล้วเห็นว่าเข้าข่ายผิดจริง ก็อาจมีการดำเนินคดีต่อไป
กระแสโซเชียล: สังคมแตกเป็นสองฝั่ง
บนโลกออนไลน์ เสียงของชาวเน็ตถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน
ฝ่ายที่เชื่อฝ่ายหญิง: มองว่าพฤติกรรมของเก่งมีความน่ากังวล และการพูดถึงปืนไม่ควรถือเป็นเรื่องเล่น ๆ เพราะสร้างความหวาดกลัวจริง
ฝ่ายที่เชื่อเก่ง: เห็นว่าเป็นการเข้าใจผิด และฝ่ายหญิงอาจพยายามนำเรื่องไปขยายจนกลายเป็นดราม่าใหญ่โต
สรุป
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในยุคโซเชียล ที่ทุกการกระทำสามารถกลายเป็นข่าวไวรัลได้ในเวลาอันรวดเร็ว
สำหรับคดีของ เก่ง ลายพราง และนักร้องสาวรายนี้ คงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวนและรวบรวมหลักฐานอย่างละเอียด เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าใครพูดความจริง ใครพูดเกินจริง และเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นด้วยเจตนาใด
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเคารพในความปลอดภัยและสิทธิของผู้อื่น เพราะไม่ว่าฝ่ายใดจะถูกหรือผิด การสร้างความหวาดกลัวให้กับใครสักคน ไม่ควรถูกมองว่าเป็น “เรื่องเล่น ๆ”




