เช็กเลย! เปิดเงื่อนไขลงทะเบียน "คนละครึ่ง" ยุคอนุทิน ใครได้สิทธิบ้าง?
อนุทิน ชาญวีรกูล ดันโครงการ “คนละครึ่ง” กลับมาอีกครั้ง! เจาะลึกคุณสมบัติ เงื่อนไข วิธีลงทะเบียน และวิธีใช้สิทธิ์ให้คุ้มที่สุด
โครงการ “คนละครึ่ง” ถือเป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนอย่างล้นหลามตลอดหลายเฟสที่ผ่านมา ล่าสุด ภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รัฐบาลชุดใหม่เตรียมฟื้นโครงการนี้อีกครั้ง เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพและสร้างแรงกระตุ้นให้เศรษฐกิจฐานรากกลับมาคึกคัก โดยจะถูกจัดให้เป็นหนึ่งในมาตรการเร่งด่วนหรือ Quick Win ที่จะถูกผลักดันในระยะสั้น
แม้ว่ารายละเอียดเชิงลึกอย่างวงเงินรวมของโครงการ วันเปิดลงทะเบียน หรือวันเริ่มใช้งานจริง จะต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่จากข้อมูลที่เปิดเผยออกมาเบื้องต้นพบว่า หลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่าง ๆ จะมีความใกล้เคียงกับเฟสก่อน ๆ ทำให้ประชาชนจำนวนมากเริ่มเตรียมตัวเพื่อรอลงทะเบียนทันที
จุดประสงค์ของโครงการ “คนละครึ่ง”
โครงการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหา 2 ด้านไปพร้อมกัน
1. บรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน – เนื่องจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ และค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงเข้ามาช่วยจ่ายครึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่ายรายวันในวงเงินที่กำหนด
2. กระตุ้นการใช้จ่ายและหมุนเวียนเศรษฐกิจในท้องถิ่น – เงินที่รัฐบาลอุดหนุนจะไหลเวียนไปสู่ร้านค้ารายย่อย ร้านอาหาร หาบเร่ แผงลอย และบริการท้องถิ่น ทำให้เศรษฐกิจฐานรากมีรายได้มากขึ้น
ที่ผ่านมา โครงการคนละครึ่งเคยสร้างเม็ดเงินสะพัดหลายแสนล้านบาท และช่วยให้ร้านค้าเล็ก ๆ มีลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ใครมีสิทธิ์ลงทะเบียน “คนละครึ่ง” รอบใหม่?
รัฐบาลได้กำหนดคุณสมบัติหลักของผู้ที่สามารถเข้าร่วมโครงการไว้ 3 ข้อสำคัญ ได้แก่
1. มีสัญชาติไทย และอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
ผู้ลงทะเบียนต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย
มีบัตรประชาชนที่ถูกต้อง
ต้องมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่เปิดลงทะเบียน
2. ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่แล้วจะไม่สามารถลงทะเบียนในโครงการนี้ได้ เนื่องจากถือว่าได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐอยู่แล้ว
3. ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิ์จากโครงการช่วยเหลืออื่นที่ซ้ำซ้อน
เช่น โครงการ “เราชนะ” หรือ “โครงการเพิ่มกำลังซื้อ” ที่มีรูปแบบคล้ายกัน หากเคยได้รับสิทธิ์เหล่านั้นก็จะไม่เข้าเกณฑ์ลงทะเบียนในรอบนี้
กล่าวได้ว่า กลุ่มเป้าหมายของ “คนละครึ่ง” คือ ประชาชนทั่วไปที่ไม่อยู่ในโครงการช่วยเหลืออื่น ๆ ของรัฐ และต้องมีความสามารถใช้สมาร์ตโฟนเพื่อเข้าถึงแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง
วิธีลงทะเบียนและใช้งานสำหรับประชาชน
ประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องทำผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” (Pao Tang) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักในการใช้สิทธิ์ โดยมีขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ดาวน์โหลดและยืนยันตัวตน
ดาวน์โหลดแอป “เป๋าตัง” ผ่าน App Store (iOS 15.0 ขึ้นไป) หรือ Google Play (Android 9.0 ขึ้นไป)
ทำการยืนยันตัวตน (KYC) ผ่านการสแกนใบหน้าด้วยบัตรประชาชน หรือยืนยันผ่านแอป Krungthai NEXT เพื่อเชื่อมบัญชีเข้ากับ G-Wallet
ขั้นตอนที่ 2 เติมเงินเข้า G-Wallet
ก่อนใช้สิทธิ์ ผู้ใช้ต้องเติมเงินส่วนของตัวเองเข้า G-Wallet โดยมีช่องทางการเติม 3 รูปแบบหลัก
1. Mobile Banking
2. QR Code PromptPay
3. ตู้ ATM ของธนาคารต่าง ๆ
ขั้นตอนที่ 3 ใช้สิทธิ์คนละครึ่ง
ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com และรอรับ SMS ยืนยันสิทธิ์
เมื่อได้รับสิทธิ์แล้ว เปิดแอป “เป๋าตัง” แล้วเลือกเมนู “คนละครึ่ง”
สแกน QR Code ของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
ระบบจะคำนวณส่วนลด 50% ให้อัตโนมัติ จากนั้นกดยืนยันการชำระเงิน
ข้อควรระวัง : ผู้ได้รับสิทธิ์ต้องเริ่มใช้ครั้งแรกภายใน 14 วันหลังจากได้รับ SMS หากเกินกำหนดจะถูกตัดสิทธิ์ทันที
วิธีลงทะเบียนและรับชำระเงินสำหรับร้านค้า
ร้านค้ารายย่อยที่ต้องการเข้าร่วมโครงการจะต้องดำเนินการผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” (Thung Ngern)
ร้านค้าใหม่
1. เตรียมเอกสารสำคัญ ได้แก่ บัตรประชาชน สมุดบัญชีธนาคารกรุงไทย และหนังสือรับรองจากกำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน (ถ้ามี)
2. ยื่นเอกสารที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา โดยเจ้าของร้านต้องไปด้วยตนเองเพื่อยืนยันตัวตน
3. ดาวน์โหลดและติดตั้งแอป “ถุงเงิน” เพื่อรออนุมัติ
ร้านค้าเดิมที่เคยเข้าร่วม
ไม่ต้องสมัครใหม่ เพียงเข้าสู่ระบบในแอป “ถุงเงิน”
กรอกข้อมูลยืนยันตัวตน และกดยอมรับเงื่อนไข
จากนั้นสามารถเข้าร่วมโครงการเฟสใหม่ได้ทันที
วิธีรับชำระเงิน
เมื่อได้รับอนุมัติ ให้ร้านค้าเลือกเมนู “คนละครึ่ง” ในแอปถุงเงิน
สร้าง QR Code ประจำร้าน เพื่อให้ลูกค้าสแกนชำระเงินได้ทันที
เจาะลึกเงื่อนไขสำคัญของโครงการ “คนละครึ่ง”
1. หลักการร่วมจ่าย 50/50
รัฐบาลช่วยจ่าย 50% ของค่าสินค้าและบริการ
ผู้ใช้สิทธิ์ต้องจ่ายเองอีก 50% ผ่าน G-Wallet
2. วงเงินที่ต้องรู้
จำกัดต่อวันสูงสุดไม่เกิน 150 บาทต่อคน
จำกัดรวมตลอดโครงการ ซึ่งในเฟสก่อน ๆ อยู่ที่ราว 3,500 บาทต่อคน (รอบใหม่อาจมีการเปลี่ยนแปลง)
วงเงินช่วยเหลือรีเซตใหม่ทุกวัน เวลา 06.00 น.
3. เงื่อนไขการใช้ครั้งแรก
หลังจากได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์ ต้องเริ่มใช้ภายใน 14 วัน
หากไม่ใช้ภายในเวลาที่กำหนด สิทธิ์จะถูกตัดทันที
4. สินค้าและบริการที่เข้าร่วม
ร้านอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และบริการ เช่น ร้านนวด สปา ร้านเสริมสวย
ยกเว้น สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาสูบ
ใช้สิทธิ์อย่างไรให้คุ้มที่สุด?
1. วางแผนการใช้จ่ายรายวัน เช่น ใช้สิทธิ์ซื้ออาหารมื้อกลางวันและเย็นอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้สิทธิ์เต็มวงเงิน 150 บาทต่อวัน
2. เลือกร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเพื่อให้ได้ส่วนลดจริง ไม่เสียสิทธิ์ไปเปล่า
3. หมั่นตรวจสอบยอดคงเหลือใน G-Wallet และวงเงินที่เหลือจากรัฐ เพื่อวางแผนใช้ได้ครบทุกบาท
4. หากเป็นร้านค้า ควรติดป้ายประชาสัมพันธ์ให้ชัดเจนว่ารับสิทธิ์คนละครึ่ง เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มากขึ้น
สรุป
การกลับมาของโครงการ “คนละครึ่ง” ภายใต้รัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นับว่าเป็นนโยบายที่ประชาชนจำนวนมากรอคอย เพราะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพได้จริง และยังทำให้ร้านค้ารายย่อยมีรายได้เพิ่มขึ้น
แม้รายละเอียดปลีกย่อย เช่น วงเงินรวม และวันเริ่มใช้สิทธิ์ จะต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่จากโครงสร้างหลักที่เปิดเผยออกมาเชื่อได้ว่ารอบใหม่นี้จะยังคงเป็นที่นิยม และมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจฐานรากของไทยกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งอย่างแน่นอน




