นักเคลื่อนไหวหญิงแก้ผ้ากลางสภาการศึกษามะกัน

นักเคลื่อนไหวหญิงแก้ผ้ากลางสภาการศึกษามะกัน

     วันนี้ [ตามเวลาท้องถิ่น] นักเคลื่อนไหวหญิง ได้ก่อเหตุเปลื้องผ้ากลางที่ประชุมสภาการศึกษาแคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา เพื่อประท้วงนโยบายสิทธิของนักเรียนข้ามเพศ ซึ่งจุดชนวนถกเถียงสิทธิเสรีภาพ และ ความเหมาะสมในที่สาธารณะ

     การประชุมสภาการศึกษาเขตเดวิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา ต้องหยุดชะงักลงถึง 2 ครั้ง หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อนักเคลื่อนไหวหญิง "เบธ บอร์น" วัย 50 ปี ซึ่งประธานกลุ่ม Moms for Liberty ได้ลุกขึ้นเปลื้องเสื้อผ้ากลางห้องประชุม เพื่อประท้วงนโยบายของคณะกรรมการ ที่อนุญาตให้นักเรียนข้ามเพศ สามารถใช้ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และ ห้องน้ำตามเพศสภาพ

     การกระทำดังกล่าวสร้างความโกลาหล และ เกิดบรรยากาศตึงเครียดในที่ประชุม ซึ่งนำไปสู่การแทรกแซงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทำให้ "เบธ บอร์น" ถูกเชิญตัวออกจากห้องประชุม อีกทั้งยังอาจถูกตั้งข้อหาทางกฎหมาย ฐานก่อกวนการประชุมสาธารณะในเวลาต่อมา

จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์
     ระหว่างการประชุมสภาการศึกษา "เบธ บอร์น" ได้ลุกขึ้นเพื่อแสดงความคิดเห็น ในช่วงเปิดให้ผู้เข้าร่วมสามารถแสดงความเห็น ต่อคณะกรรมการ ซึ่งเธอกล่าวโจมตีนโยบายของโรงเรียน ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนข้ามเพศ ใช้ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของเพศ ที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ทางเพศ โดยอ้างว่า "นโยบายดังกล่าว ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว และ ละเมิดความปลอดภัยของนักเรียนหญิง"

     ในระหว่างการกล่าวถ้อยคำ "เบธ บอร์น" ได้กล่าวท้าทายคณะกรรมการว่า "งั้นฉันจะแสดงให้พวกคุณเห็นเป็นตัวอย่าง ว่าการถอดเสื้อผ้ามันเป็นอย่างไร" ก่อนที่เธอจะถอดเสื้อนอกออก เผยให้เห็นชุดบิกินีท่อนบน และ เริ่มถอดกางเกงยีนส์ท่ามกลางสายตา ผู้เข้าร่วมประชุมหลายสิบคน

     เจ้าหน้าที่และกรรมการพยายามห้ามปราม แต่ "เบธ บอร์น" กลับตอบโต้ว่า "ฉันใส่ชุดว่ายน้ำอยู่นะคะ นี่ถือเป็นสิ่งที่ได้รับอนุญาต" ซึ่งนั่นทำให้รองประธานสภา จำเป็นต้องสั่งพักการประชุมชั่วคราว และ ปิดไมโครโฟนของ "เบธ บอร์น" และ เมื่อการประชุมกลับมาเริ่มต้นอีกครั้ง "เบธ บอร์น" ก็ยังคงยืนยันจุดยืนด้วยการถอดเสื้ออีกครั้ง ซึ่งส่งผลให้การประชุมต้องหยุดเป็นครั้งที่ 2 ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาควบคุมสถานการณ์ และ เชิญ "เบธ บอร์น" ออกจากห้องไป...

     หลังเหตุการณ์ "เบธ บอร์น" ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า "ฉันต้องการให้คณะกรรมการ สัมผัสถึงความรู้สึกเปราะบาง ที่นักเรียนหญิงต้องเผชิญ เมื่อถูกบังคับให้เปลี่ยนเสื้อผ้า ต่อหน้าผู้ที่มีเพศกำเนิดแตกต่าง" และ "ถ้าพวกผู้ใหญ่ยังรู้สึกไม่สบายใจ ที่ต้องมามองดูผู้หญิงอายุ 50 ปีถอดเสื้อผ้าตรงหน้า แล้วพวกคุณจะไปคาดหวังให้เด็กผู้หญิง รู้สึกสบายใจได้อย่างไร? เมื่อต้องอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ากับผู้ที่มีเพศกำเนิดเป็นชาย แต่ระบุว่าเป็นหญิง?" และ "ฉันพยายามสื่อสารเรื่องนี้ กับคณะกรรมการตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี แต่ไม่เคยได้รับความสนใจ ฉันจึงตัดสินใจใช้วิธีการที่รุนแรง เพื่อเรียกร้องความสนใจ และ บังคับให้สาธารณชนหันมารับฟัง!!"

     "เบธ บอร์น" เป็นประธานท้องถิ่นของกลุ่ม Moms for Liberty ซึ่งเป็นองค์กรเคลื่อนไหวที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยมุ่งเน้นการผลักดันนโยบาย ที่พวกเธอมองว่าเป็นการปกป้องสิทธิผู้ปกครอง ในการมีส่วนร่วมกำหนดทิศทางการศึกษาในอเมริกา ซึ่งกลุ่มนี้มีบทบาทโดดเด่นในประเด็นต่างๆ เช่น การคัดค้านการสอนเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศ, การวิพากษ์วิจารณ์การสอนประวัติศาสตร์เชื้อชาติ และ การต่อต้านนโยบายที่พวกเธอมองว่า ลดทอนคุณค่าของครอบครัวดั้งเดิม...

ถึงแม้จะได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครองบางกลุ่ม แต่ Moms for Liberty ก็เผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายเสรีนิยม และ นักสิทธิมนุษยชนว่าเป็น "กลุ่มที่ผลักดันแนวคิดกีดกันทางเพศ และ เชื้อชาติ ซึ่งรวมถึงสร้างความแตกแยกในสังคมด้วย!!"

     ฝ่ายสภาการศึกษาเขตเดวิส แถลงการณ์ในภายหลังว่า "การแสดงความคิดเห็นของสาธารณชน เป็นสิ่งที่เปิดกว้าง แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎระเบียบ" และ "ต้องไม่ละเมิดความสงบเรียบร้อย ของการประชุมด้วย!!" และ "ตอนนี้อยู่ระหว่างการหารือกับฝ่ายกฎหมาย เพื่อพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อ "เบธ บอร์น" โดยเธออาจเข้าข่ายความผิดฐาน จงใจก่อกวนการประชุมสาธารณะ ซึ่งมีกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนียรองรับ!!"

     กรณี "เบธ บอร์น" เปลื้องผ้าประท้วงกลางที่ประชุมสภาการศึกษา ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ไม่เพียงเป็นข่าวสะเทือนสังคม แต่ยังเป็นสัญลักษณ์สะท้อนความขัดแย้ง ทางวัฒนธรรมและการเมืองในอเมริกา ระหว่างสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก สิทธิของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ และ สิทธิความเป็นส่วนตัวของนักเรียนหญิง... ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งมองว่าเธอเป็นผู้ใช้สิทธิ ตามรัฐธรรมนูญเพื่อส่งเสียงแทนผู้ปกครองและเด็กนักเรียน อีกฝ่ายกลับมองว่าเป็นการกระทำที่เกินขอบเขต และ ยังบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งคดีนี้จึงอาจกลายเป็นกรณีศึกษาใหม่ ในการตีความเส้นแบ่งที่บางมากระหว่าง "เสรีภาพ" และ "ความเหมาะสม" ในสังคมประชาธิปไตย ของอเมริกา...