จีน ตัดสินประหารมาเฟียตระกูลหมิงทั้ง 11 คน
กาสิโนในเมืองเล้าก์ก่าย เดิมทีมีขึ้นเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากชาวจีนที่อยากเล่นการพนัน (ที่ประเทศจีนห้ามคนจีนเล่นการพนันทั่งในและนอกประเทศ) แต่ว่า ธุรกิจกาสิโนในเมืองเล้าก์ก่าย กลับกลายมาเป็นฉากบังหน้าของการฟอกเงิน ค้ายาเสพติด ค้าประเวณี กาสิโนผิดกฏหมาย และศูนย์กลางสแกมเมอร์ ที่องค์การสหประชาชาติ เรียกว่าเป็น "ศูนย์แห่งการหลอกลวง" โดยมีชาวต่างชาติมากกว่า 100,000 ราย และส่วนมากเป็นชาวจีน ถูกหลอกลวงมาทำงาน และถูกกักขัง บังคับให้ทำงานหลอกลวงทางออนไลน์โดยมีเป้าหมายเป็นเหยื่อจากทั่วโลก
ตระกูลหมิงมีอิทธิพลที่สุดในรัฐฉาน ของเมียนมา ทำงานให้กับหนึ่งในสี่ตระกูลที่ควบคุมเมืองเล้าก์ก่าย เมืองเล็ก ๆ ใกล้ชายแดนจีน และเปลี่ยนที่นั่นให้กลายเป็นศูนย์กลางของการพนัน ยาเสพติด และศูนย์คอลเซ็นเตอร์ของแก๊งสแกมเมอร์ ที่รู้จักกันในชื่อ Crouching Tiger Villa (คฤหาสน์เสือหมอบ) ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนงานถูกทุบตีและทรมานเป็นประจำ บางคนถูกยิงเพราะพวกเขาพยายามเดินทางกลับประเทศจีน
การไต่สวนพบว่า ธุรกิจกาสิโนและการหลอกลวงของพวกเขาสร้างรายได้มากกว่า 1 หมื่นล้านหยวนต่อปี (ราว 45,440 ล้านบาท)
กลุ่มต่อต้านรัฐประหารเมียนมา สามารถขับไล่กองทัพเมียนมา และควบคุมพื้นที่เล้าก์ก่ายไว้ได้ เปิดทางให้จีน ซึ่งเป็นผู้สนันสนุนอย่างมีนัยสำคัญได้เข้ากวาดล้างตระกูลหมิง
มีการรายงานว่า หมิง เสวี่ยชาง (Ming Xuechang) หัวหน้าครอบครัว ได้จบชีวิตตนเองขณะจับกุม ศาลจีนตัดสินประหารชีวิตตระกูลหมิง11 ราย สมาชิกอีก 5 คนได้รับโทษประหารชีวิตโดยรอลงอาญา 2 ปี และมีอีก 11 คนถูกจำคุกตลอดชีวิต ส่วนสมาชิกที่เหลือได้รับโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ถึง 24 ปี
แม้จะมีการปราบปราบอย่างเข้มงวด แต่ธุรกิจเหล่านี้ก็ได้มีการปรับตัว โดยส่วนใหญ่ย้ายไปอยู่ประเทศกัมพูชา แต่ก็ยังมีอยู่มากในเมียนมาด้วยเช่นกัน
นี่เป็นผลจากการที่เมียนมาได้เข้าปราบปรามจับกุมสมาชิกของตระกูลเหล่านี้ในปี 2023 และส่งตัวพวกเขาให้กับทางการจีน





