คำสาปแห่งราชวงศ์โมนาโกที่ต้องผิดหวังในความรัก
คำสาป คือ คำที่ผู้คนใช้สาปแช่งว่ากล่าวกับผู้อื่น โดยมีกันอยู่หลายวิธี เช่น การจารึก การพูด การใช้อุปกรณ์เครื่องมือ เป็นต้น โดยมักเกิดจากความไม่พอใจ โกรธแค้นในตัวผู้อื่น ในบางครั้งคำสาปก็กลายเป็นการสืบทอดกันในแบบเชื้อสายวงศตระกูลด้วยเช่นกัน
ราชวงศ์กริมัลดี แห่งโมนาโก เป็นหนึ่งในราชวงศ์ที่ร่ำรวยที่สุดโลก แต่ในขณะเดียวกันราชวงศ์โมนาโกต้องเผชิญโศกนาฏกรรม การหย่าร้างกะทันหัน และข่าวอื้อฉาวเรื่องสายเลือดบ่อยครั้ง ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นผลจาก “คำสาปแห่งตระกูลกริมัลดี” ตำนานที่เล่าขานมากว่า 700 ปี ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา
ราชวงศ์กริมัลดีซึ่งปกครองโมนาโกมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1297 แทบไม่เคยพ้นจากหน้าหนังสือพิมพ์ ทั้งเรื่องความรักอันซับซ้อน การแต่งงานที่ล้มเหลว และความขัดแย้งภายใน บางคนตั้งคำถามว่าสิ่งเหล่านี้เป็น “คำสาป” จริงหรือเพียงโชคร้ายต่อเนื่องเท่านั้น
คำสาปถูกกล่าวขานว่ามีต้นกำเนิดเมื่อ “ฟรานเชสโก กริมัลดี” ผู้ก่อตั้งตระกูล ปลอมตัวเป็นพระเข้าโจมตีและยึดเมืองโมนาโกในปี 1297 ภาพชายสวมชุดพระถือดาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของตระกูล บ้างก็เล่าว่าคำสาปเกิดจากหญิงสาวที่ถูกหนึ่งในตระกูลกริมัลดีลักพาหรือทำร้าย จนเธอสาปว่า “ไม่มีกริมัลดีคนใดจะพบความสุขในชีวิตแต่งงาน” ต่อมาในปี 1515 โคลดินแห่งโมนาโก ยังได้กล่าวคำเตือนก่อนสิ้นใจว่า ไม่มีสมาชิกตระกูลกริมัลดีคนใดควรแต่งงานกับชาวต่างชาติ ทำให้คำสาปถูกเชื่อมโยงกับโชคชะตาของราชวงศ์ เรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่งกล่าวว่าแม่มดได้สาปแช่งครอบครัวนี้หลังจากที่เจ้าชายเรนิเยร์ที่ 1 สั่งให้เผาเธอทั้งเป็น
ตั้งแต่นั้นมา ตระกูลกริมัลดีต้องเผชิญกับความโชคร้ายในความรักอย่างต่อเนื่อง เช่น เจ้าชายหลุยส์ที่ 1 ทรงแต่งงานกับคาเธอรีน ชาร์ล็อตต์ เดอ กรามงต์ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับชายหลายคนในปารีส รวมถึงกษัตริย์หลุยส์ที่ 14 ของฝรั่งเศส ก่อนที่พระนางจะทิ้งเจ้าชายหลุยส์ที่ 1 ไปเป็นพระสนมของกษัตริย์
เจ้าหญิงชาร์ล็อต : พระมารดาของเจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 ทรงแต่งงานแบบคลุมถุงชนกับเคานต์ปิแอร์ เดอ โปลิยัก แห่งฮ็องเนอบง ประเทศฝรั่งเศส ทั้งคู่มีพระโอรสและพระธิดา 2 พระองค์ คือ เจ้าชายเรนิเยร์และเจ้าหญิงแอนทัวเน็ตต์ แต่ชีวิตสมรสไม่ราบรื่นเนื่องจากปิแอร์เป็นรักร่วมเพศ พระนางชาร์ล็อตจึงมีความสัมพันธ์กับชายอื่น จนแยกทางกันในปี 1930 และหย่าในปี 1933 หลังจากนั้นพระนางไปอยู่กับคู่รักชาวอิตาลี
เจ้าชายเรนิเยร์ที่ 3 : ทรงแต่งงานกับดาราฮอลลีวู้ด เกรซ เคลลี่ ทั้งคู่มีลูก 3 คน คือ เจ้าหญิงแคโรไลน์ เจ้าชายอัลแบร์ และเจ้าหญิงสเตฟานี การแต่งงานเป็นเรื่องราวชวนฝันของคนทั่วโลก แต่จบลงด้วยโศกนาฏกรรมเมื่อเจ้าหญิงเกรซสิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุรถยนต์ เมื่อวันที่ 14 กันยายน 1982 ด้วยพระชนมายุ 52 พรรษา หลังจากนั้น เจ้าชายเรนิเยร์ที่ 3 ไม่เคยแต่งงานใหม่
ตราบถึงทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้สาเหตุว่า แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น จะเพราะเธอประคองสติไม่อยู่ระหว่างขับรถ หรืออาจมีเหตุทะเลาะกับเจ้าหญิงสเตฟานี หนังสืออัตชีวประวัติบางเล่มยังเขียนถึงด้วยว่า เจ้าหญิงเกรซเสียชีวิตก่อนอุบัติเหตุเสียอีก อุบัติเหตุครั้งนั้นไม่ได้คร่าชีวิตเธอ นิตยสารแนวซุบซิบบางฉบับของเยอรมนีขยายความเพิ่มไปอีกว่า เธอเสียชีวิตจากภาวะเส้นเลือดอุดตัน
เจ้าหญิงแคโรไลน์ : แต่งงานครั้งแรกกับฟิลิปป์ จูโนต์ ในปี 1978 แต่ชีวิตคู่ยืนไม่ยาว หลังสองปีทั้งคู่หย่า ในปี 1983 เธอแต่งงานกับสเตฟาโน คาสิรากี มีลูกสามคน แต่สเตฟาโนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเรือเร็วในปี 1990
ปี 1999 เธอแต่งงานครั้งที่สามกับเจ้าชายเอิร์นส์ ออกัส แห่งฮันโนเวอร์ มีลูกหนึ่งคน แต่ชีวิตคู่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและแยกกันอยู่ตั้งแต่ปี 2009 ลูก ๆ ของเจ้าหญิงแคโรไลน์เติบโตและมีครอบครัวของตัวเอง บางคนแต่งงานตามปกติ บางคนมีลูกก่อนแต่งงาน
เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 : พระประมุขแห่งโมนาโกองค์ปัจจุบัน ทรงใช้ชีวิตโสดมานาน ในปี 2000 พระองค์เริ่มเดท เจ้าหญิงชาร์ลีน วิทสต็อก นักว่ายน้ำโอลิมปิกชาวแอฟริกาใต้ แม้ว่าจะมีอายุห่างกันถึง 20 ปี
หลังแต่งงานสามปี ในปี 2014 ทั้งคู่ประสูติเจ้าชายเจ้าหญิงฝาแฝด เจ้าชายฌาคส์ โอเนเร เรนิเย และ เจ้าหญิงกาเบรียลลา เทเรซา มารี เป็นทายาทตามกฎหมาย โดยเจ้าชายอัลเบิร์ตจะมีบุตรนอกสมรสสองคนก่อนเสกสมรส คือ อเล็กซานเดร และ แจสมิน เกรซ ซึ่งไม่มีสิทธิ์ในการสืบราชบัลลังก์ เพราะมารดาของทั้งสองพระองค์มิได้สมรสถูกต้องตามกฎหมาย
ชีวิตคู่ของ เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 และ เจ้าหญิงชาลีน เหมือนจะราบรื่น แต่ความจริงไม่ใช่ รายงานระบุว่า เจ้าหญิงชาร์ลีนเคยเกือบยกเลิกงานแต่งหลายครั้ง ระหว่างพิธีพระองค์ร้องไห้หนักมาก ขณะที่เจ้าชายอัลเบิร์ตเงียบเฉย ทำให้เกิดข่าวลือมากมาย ต่อมาเจ้าหญิงสารภาพว่าเธอรู้สึก “โดดเดี่ยวมาก” ในโมนาโก เจ้าหญิงชาร์ลีนต้องกลับแอฟริกาใต้เพื่อรักษาตัวจากปัญหาสุขภาพ และยังมีข่าวลือเกี่ยวกับปัญหาครอบครัว ทำให้ชีวิตคู่ตกอยู่ในความสนใจของสาธารณะ
เจ้าหญิงสเตฟานี : พระองค์เคยทำงานด้านนางแบบและนักร้อง มีข่าวรักกับดาราชื่อดังหลายคน เช่น ร็อบ โลว์, ฌอง-คล้อด แวน แดม และอดีตผู้รักษาประตูแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ฟาเบียน บาร์เธซ
ในปี 1991 พระองค์เริ่มมีความสัมพันธ์กับอดีตบอดี้การ์ด ดาเนียล ดูครูเอ้ต์ และทั้งคู่มีบุตรสองคนนอกสมรสคือ หลุยส์ และ โปเลน ก่อนจะแต่งงานปี 1995 รายงานระบุว่าเจ้าชายเรเนียร์ พระบิดาไม่เต็มใจให้ความยินยอม หลังแต่งงานเพียงปีเดียว ความสัมพันธ์ล่มเมื่อสามีถูกจับได้ว่ามีสัมพันธ์กับผู้หญิงซึ่งเคยได้รับตำแหน่งมิสนู้ดเบลเยียม
ปี 1998 พระองค์ประสูติพระธิดา กามิลล์ แต่ไม่เปิดเผยพ่อของเด็ก ทำให้กามิลล์ไม่ได้อยู่ในลำดับสืบราชบัลลังก์ ต่างจากพี่ชาย หลุยส์ และน้องสาว โปเลน กามิลล์ระบุผ่านโพสต์วันเกิดในอินสตาแกรมปี 2017 ว่าพระบิดาคือ ฌอง เรย์มงด์ ก็อตต์ลิบ อดีตหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของเจ้าหญิงสเตฟานี แต่ชื่อของพระองค์ไม่ได้ระบุในสูติบัตร และเจ้าหญิงสเตฟานียังไม่ยืนยันเรื่องนี้ต่อสาธารณะ
ปี 2001 พระองค์หนีไปกับครูฝึกช้างพร้อมลูกสามคน ก่อนกลับไปโมนาโก ปี 2003 พระองค์แต่งงานลับกับนักกายกรรมชาวโปรตุเกส อาดาน โลเปซ เปเรส ผู้มีอายุน้อยกว่าพระองค์เกือบ 10 ปี แต่การแต่งงานจบเพียง 10 เดือน ไม่มีลูก และไม่มีพี่น้องเจ้าชายอัลแบร์หรือเจ้าหญิงแคโรไลน์เข้าร่วมงาน
ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่าชีวิตรักที่ไม่สมบูรณ์ของราชวงศ์กริมัลดี แม้ไม่มีสิ่งใดยืนยันว่าคำสาปเป็นเรื่องจริง แต่สิ่งที่ตระกูลกริมัลดีพบเจอเพิ่มน้ำหนักให้ตำนานที่เล่ากันมาน่าเชื่อมากขึ้น ในทัศนะของผู้เขียนมองว่า เป็นคำสาปที่อาจดูไม่น่ากลัว แต่ช่างโหดร้ายต่อหัวใจเสียเหลือเกิน หากความรักมันทุกข์
**************

















